ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 8 ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ว่าตลิ่งหน้าบ้านถูกคลื่นในคลองสุนัขหอนซัดจนสไลด์พังลงไปในน้ำจวนจะถึงตัวบ้าน หวั่นจะพังลงมาจนได้รับความเสียหาย จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบกับ นายวิชาญ ฉิมพาลี อายุ 59 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 1 หมู่ 8 ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ซึ่งกำลังนำช่างไปรื้อบ้าน เพื่อถอยร่นหนีตลิ่งที่กำลังจะพังเข้ามาในตัวบ้าน นอกจากนี้ น.ส.ชาลินี ฉิมพาลี อายุ 32 ปี บุตรสาวก็ได้ช่วยกันขนย้ายสิ่งของจำเป็นนำไปไว้ในที่ปลอดภัย
นายวิชาญ กล่าวว่า ที่ดินผืนนี้บิดาของตน ซื้อมาตั้งแต่ตนยังไม่เกิดประมาณไร่เศษเดิมมีเนื้อที่จนถึงป่าจาก มีบ้าน 2 หลัง ซึ่งน้ำซัดดินพังไปเรื่อยๆ จนตอนนี้พังลงน้ำไม่เหลือแล้ว ตนก็ต้องย้ายบ้านถอยร่นมาเรื่อยๆ ล่าสุดดินสไลด์พังลงไปจนประชิดบ้าน ก็เลยต้องมาขยับบ้านหนีน้ำอีกจนติดถนนแล้วไม่รู้จะถอยหนีไปไหนแล้ว เดือดร้อนมาก
น.ส.ชาลินี กล่าวว่า เดิมที่ดินผืนนี้มีประมาณ 1 ไร่เศษ ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นผืนดินอยู่ในแนวป่าจาก ต่อมาน้ำกัดเซาะไปเรื่อยๆ จนปัจจุบันพังลงไปในคลองหมดแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาบิดาตนก็ใช้เงินหลายหมื่นบาท แก้ปัญหาด้วยตัวเองมาตลอดไปซื้อไม้ไผ่โคนซอปักเป็นแนวกันตลิ่งพัง มาแล้วหลายรอบ แต่ก็เอาไม่อยู่ดินถูกน้ำกัดเซาะพังลงไปในน้ำอยู่เรื่อยๆ จนต้องรื้อบ้านถอยร่นมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุดดินก็ยังพังมาถึงตัวบ้าน บิดาตนจึงตัดสินใจรื้อบ้านบริเวณที่ใกล้ดินพังออกอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อคนในครอบครัว
น.ส.ชาลินี กล่าวต่อไปว่า บ้านของตนอาศัยอยู่ด้วยกัน 5 คน มีบิดา มารดา ตน และเด็กๆอีก 2 คน ส่วนบ้านของป้าที่อยู่ติดกันมีผู้สูงอายุ 1 คน เด็กพิการ 2 คน ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ดินบริเวณหน้าบ้านเริ่มมีรอยร้าวแยกออกคาดว่าไม่นานก็คงพังลงน้ำเช่นกัน ซึ่งตนและครอบครัวก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้ว ไม่มีที่ไปแล้ว เพราะถอยร่นจนติดถนนแล้ว จึงขอวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ หรือมีแนวทางไหนจะช่วยเหลือครอบครัวของตนได้บ้าง เพราะหากไม่ทำอะไรเลยอีกไม่นานบ้านก็คงพังลงไปในน้ำอย่างแน่นอน
Discussion about this post