ผู้สือข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 มิ.ย. 66 จนท.ศูนย์วิทยุร่วมปทุม (ร่วมกตัญญู) ได้รับการประสานจากนางฉัตรชฎา ทองเหม ผญบ. ม.1 ต.บ้านกระแชง อ.เมือง จ.ปทุมธานี ว่ามีเหตุบ้านเรือนของลูกบ้านพังถล่มลงมาได้รับความเสียหายทั้งหลัง เหตุเกิดบริเวณชุมชนบ้านคลองพลับ ม.1 ต.บ้านกระแชง จึงประสานอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุบริเวณริมถนนวัดโพธิ์เลื่อน(สายใน) พบบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง เป็นลักษณะ บ้านเก่าได้พัง ลงมาทั้งหลัง โดยเอียงมาทาง ด้านซ้ายของบ้าน และที่บริเวณลานดินโล่งหน้าบ้าน พบนายสากล เอี่ยมสอาด กำนัน ต.บ้านกระแชง และ นางฉัตรชฎา ทองเหม ผญบ. ม.1 ต.บ้านกระแชง กำลังยืน ปลอบใจและพูดคุยอยู่กับผัวเมียเจ้าของบ้าน ทราบชื่อต่อมาคือนายทองเหมาะ เปรมปรีด์ อายุ 79 ปี และ นางสุรินทร์ เปรมปรีด์ อายุ 76 ปี พร้อม นายทองเหมาะ เปรมปรีด์ อายุ 79 ปี นายปกรณ์ เปรมปรีย์ อายุ 55 ปี ลูกชาย
นางสุรินทร์ เปรมปรีด์ กล่าวว่า นอนเกิดเหตุตนและ สามีพร้อมลูกชายอยู่บนบ้าน จู่ๆ ลูกชาย กำลังเดิน ลงจากบ้านก็ได้ยินเสียงดัง เหมือน ไม้ลั่น จึงได้ตะโกนบอก คนละสามี ว่าให้รีบลงมา เพราะเสียงเหมือนลักษณะบ้านกำลังจะพังลงมา ตนและ สามีจึง รีบลงจากบ้าน และขนาดที่ตนกำลัง ก้าวเท้าจะลงบันไดบ้านก็ได้พังคืนลงมาทันที ทำให้ตนถูกแรงกระแทก ไปยังบริเวณ บันไดได้รับบาดเจ็บตรงสะโพกเล็กน้อย โดยบ้านหลังดังกล่าวนั้นตนได้ปลูกอาศัยอยู่กับเจ้าของที่ที่เขาใจดีให้ปลูกอยู่มากกว่า 30 ปีและเคยถูกน้ำท่วมมาหลายครั้ง จนกระทั่งมาครั้งนี้ บ้างพังมาทั้งหลัง
ทางด้าน นายปกรณ์ เปรมปรีด์ ได้กล่าวว่าก่อนเกิดเหตุ ขณะยืนอยู่บนบ้านตนได้ยินเสียง ไม้แตก สมัยลั่นจึงได้ รีบบอก พ่อและแม่ ให้รีบออกมาจากบ้าน เพราะเชื่อว่าเสียงลักษณะคล้ายกับบ้านกับกำลังจะพัง เมื่อตนได้ก้าวลงมาพ่อกับแม่ได้ตามหลังทันใดนั้นบ้านก็ได้พังคือลงมาทันที และ ขับรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านได้รับความเสียหาย บริเวณฝากระโปรง แต่โชคดีที่ ตนพร้อมพ่อและแม่รอดปลอดภัยซึ่งปกติที่บ้านหลังดังกล่าวจะอยู่กันทั้งหมด 4 คน ก่อนเกิดเหตุนายสุมิตร เปรมปรีด์ อายุ 57 ปี พี่ชายคนโตพึ่งออกไปซื้อของ ได้ไม่นาน จึงถือว่าทั้ง 4 ชีวิต รอดปลอดภัยอย่างหวุดหวิด
ด้าน นายสากล เอี่ยมสอาด กำนัน ต.บ้านกระแชง ซึ่งเดินทางมาที่เกิดเหตุได้กล่าวว่าหลังทราบเรื่องจาก ผู้ใหญ่บ้าน ว่ามีเหตุบ้านพังคนจึงรีบมาดูพร้อมกับได้ประสานไปยังฝ่ายปกครองและท้องถิ่น รวมทั้งแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อมาตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่คาดว่าน่าจะมาจากสภาพบ้านที่เก่าแก่ ปลูกมากกว่า 30 ปีและถูกน้ำท่วมมาทุกครั้ง จึงอาจทำให้ไม้เสาไม้ผุ จนทำให้พังครืนลงมา เบื้องต้นได้ใช้เชือกกั้นบริเวณรอบบ้าน เพื่อไม่ให้ ใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวเพราะอาจจะทำให้บ้านพังทับลงมาอีก พร้อมทั้งได้ให้ครอบครัวทั้ง 4 ชีวิตของบ้านหลังดังกล่าว เข้าไปพักอาศัยอยู่ที่ศาลาประชาคม ที่อยู่ใกล้กันแบบชั่วคราวไปก่อน พร้อมจะได้ประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอความช่วยเหลือต่อไป
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / รายงาน
Discussion about this post