จากกรณี ส.ต.ท.ปัญญา คำราบ อดีตข้าราชการตำรวจ ก่อเหตุกราดยิงที่ศูนย์เด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.อุดรธานี มีผู้เสียชีวิต 37 ราย บาดเจ็บ 12 ราย เสียชีวิตแยกเป็นเด็ก 24 คน ครูหญิง 2 คน ชาวบ้าน 11 คน ซึ่งผู้ก่อเหตุได้ขับรถปิกอัพกลับบ้าน เผารถปิกอัพ ก่อนใช้ปืนยิงภรรยา ลูก และตัวเองเสียชีวิต เหตุเกิดเที่ยงวันที่ 6 ตุลาคม เพจโรงพยาบาลหนองบัวลำภู และโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ได้ประกาศขอบริจาคเลือด ทุกกรุ๊ป เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ โดยสามารถบริจาคเลือดได้ที่ธนาคารเลือด ซึ่งจะเปิดบริการถึง 24.00 น.
นอกจากนี้ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ได้ลงประกาศให้ตำรวจไปบริจาคเลือด เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือ ด.ช.กฤษกร เรืองเจริญ อายุ 3 ขวบ ที่ถูกส่งตัวมาจากโรงพยาบาลหนองบัวลำภู และเข้าผ่าตัดด่วน และพึ่งออกจากห้องผ่าตัด และรักษาอยู่ในห้องไอซียู
ค่ำวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ธนาคารเลือด โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี พบประชาชน ตำรวจ ทหาร หน่วยงานในจังหวัดอุดร ธานี เดินทางมาบริจาคเลือดจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่า ให้ลงชื่อไว้ แล้วมาบริจาคเลือดในวันต่อไป เพราะเจ้าหน้าที่ให้บริการไม่เพียงพอ
โดยนายทนงศักดิ์ จันทร์หอม อายุ 56 ปี ครูโรงเรียนบ้านดอนกลอย อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี เปิดว่า ตนเห็นข่าวจากโซเชียล มีการกราดยิงในศูนย์เด็กเล็ก เห็นแล้วรู้สึกสงสาร ภรรยาจึงชวนตนมาบริจาคเลือดให้กับผู้บาดเจ็บและเด็ก ปกติจะเป็นคนสอบทำบุญ บริจาคเลือดมา 11 ครั้งแล้ว ซึ่งตนมีกรุ๊ปเลือด 0 ช่วงหลังไม่มีโอกาสมาบริจาค แต่พอมีเหตุ การณ์นี้จึงมาบริจาค ซึ่งเหตุ การณ์นี้รู้สึกสะเทือนใจมาก ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว แต่ก็ขอให้สู้ต่อไป “ในฐานะคนเป็นพ่อแม่ ที่นำลูกซึ่งเป็นแก้วตาดวงใจ มาฝากไว้ที่ศูนย์เด็กเล็ก ครูก็ดูแลอย่างดี แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้”
น.ส.นิรุนลักษณ์ สายวิจิตร อายุ 33 ปี ชาวอุดรธานี แม่ค้าอาหารตามสั่ง เล่าว่า ตนมีลูก 5 ขวบ กำลังเรียนอยู่ที่ศูนย์เด็กเล็กเช่นเดียวกัน พอทราบข่าวทางเฟซบุ๊กก็ติดตามข่าวมาตลอด รู้สึกหดหู่ใจมาก ตนคิดว่าถ้าเจอเหตุการณ์กับตัวเอง คงจะใจสลาย มันร้ายแรงมาก ซึ่งผู้ก่อเหตุก็มีลูกเช่นเดียวกัน และยังกลับไปยิงลูกกับภรรยาอีก เหมือนไม่ใช่คน พอทราบว่าโรงพยาบาลต้องการเลือดก็รีบมา ซึ่งตนเคยบริจาค 13 ครั้งแล้ว
และเมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 7 ตุลาคม นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายก รมต.และ รมว.กระ ทรวงสาธารณสุข และคณะจากกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี โดยมีนายวันชัย จันทร รอง ผวจ. อุดรธานี นพ.สุมน ตั้งสุนทรวิวัฒน์ รก.ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี นำทีมต้อนรับ จากนั้นก็นำคณะไปที่ห้องดับจิตที่เก็บศพของเด็กที่โดนทำร้าย ซึ่งมาถึงเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากแพทย์ได้ทำการชันสูตรพลิกศพเสร็จแล้ว ก็บรรจุศพไว้ในห้องเย็นแต่ละตู้ ส่วนโลงศพทั้ง หมดที่นำร่างมาวางอยู่ที่หน้าห้อง
นายอนุทินฯ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ร่างของน้อง ๆ ได้เดินทางมาโดยคณะจิตอาสา มาเป็นขบวนจากหนองบัวลำภู หลังจากที่แพทย์ทางโน้นได้ทำเอกลักษณ์ของศพเรียบร้อยแล้ว และมาถึงห้องดับจิต ร.พ.ศูนย์อุดรธานีในเวลา 01.00 น.วันที่ 7 ต.ค.และเมื่อมาถึงคณะแพทย์ที่มาจากหลายจังหวัดนอกจากที่อุดรธานี แล้วก็มาจากหนองบัวลำภู สกลนคร หนองคาย จากภาคเหนือ เดิมทาง ผอ.รพ.ศูนย์ฯ ว่าจะพิสูจน์ศพแล้วเสร็จก่อนเที่ยง แต่ตอนนี้ปรากฏว่า หลังจากที่ได้ระดมแพทย์ทำ การพิสูจน์ศพกันทั้งคืนก็แล้วเสร็จในเวลานี้ซึ่งก็เป็นเวลา 09.00 น. จากนี้ทางนี้ก็จะนำศพส่งถึงบ้านของแต่ละคน และขณะนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวอยู่ได้รับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพทุกศพ
ส่วนคนป่วยที่รักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่ 3 รพ.คือที่ รพ.นากลาง, รพ.หนองบัวลำภู และรพ.ศูนย์อุดรธานี ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้ว โดยเฉพาะน้องเม็ก ที่โดนจามหัว ต้องผ่าตัดสมอง ในขณะนี้แพทย์ที่ รพ. ศูนย์ฯ ได้แจ้งให้ทราบว่าอาการดีขึ้นมีอาการตอบโต้ได้แล้ว เริ่มรู้สึกตัว รู้จักการพยักหน้าได้แล้ว ถ้าอาการแบบนี้อันตรายก็จะพ้นอันตรายไป สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ที่โรงพยาบาลที่ อ.นากลาง นี้เป็นบาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วน รพ. หนองบัวลำภู คุณแม่ของน้อง ๆ เขาอาการหนักหน่อย แยกกันรักษา แต่วันนี้ก็จะให้มารักษาที่เดียวกัน ที่หนองบัวลำภูประมาณ 5 ราย เป็นเด็ก 2 คนอาการทุกคนก็ดีขึ้น นอกจากนี้ที่หนักหน่อยก็คือการรักษาจิตใจของพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งในวันนี้ทางจิตเวชของกระทรวงก็ได้มาด้วย ก็ต้องลงไปเยียวยากันต่อ
หลังจากนั้น นายอนุทิน ก็ได้เดินทางไปพบปะกับบุคลากรทางการแพทย์ ที่ห้องประชุมชั้น 7 ของโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และออกไปเยี่ยมและขอบคุณบุคคลที่มาบริจาคโลหิตช่วยเหลือในครั้งนี้ที่ข้างห้องประชุม แล้วเดินทางกลั บเพื่อไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดข้าราช การรอรับนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปในบ่ายวันนี้ และเตรียมรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี ที่จะเสด็จในเย็นวันนี้เช่นกัน.
Discussion about this post