วันที่ 28 พ.ย. 2564 ตำรวจ สภ.บ้านหมี่ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีชายวัยรุ่นอายุ 19 ปี คลุ้มคลั่ง ขังเมียและลูกน้อยวัย 2 เดือน ไว้บนบ้านโดยการนำถังแก๊สมาตัดสาย นำสายไฟเป็นชนวนต่อเข้ากับหัวแก๊ส หวังระเบิดบ้านให้เป็นจุล หากยังคุยปัญหาคาใจไม่สำเร็จ หรือหากตำรวจเข้าจับกุม
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกสูง มีตำรวจหลายนาย พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายฝ่ายปกครองป้องกัน ลงพื้นที่บ้านหลังกล่าว เลขที่ 46 หมู่ที่ 4 ต.บ้านกล้วย ซึ่งเป็นบ้านของนายบุญหลาย จูมทอง โดยมีนายอรุณ พรหมศรี อายุ 19 ปี หนุ่มชาวใต้ อ.ธารโต จ.ยะลา ยืนโผล่หน้าต่างพร้อมตะโกนกับตำรวจว่าตนเองถูกกล่าวหา ถูกใส่ร้ายจากพี่สาวของภรรยา หาว่าตนเองเสพยา ค้ายาเสพติด วันนี้จะได้รู้เรื่องกัน เพราะว่าพี่ภรรยากลับมาที่บ้าน ต้องมาเลือกตั้ง อบต. ตนเตรียมพร้อมไว้แล้วจะขอพูดกันให้รู้เรื่อง โดยมี น.ส.สุวนันท์ อายุ 19 ปี และลูกน้อยวัย 2 เดือนเป็นตัวประกันอยู่บนบ้าน หากคุยไม่รู้เรื่อง ตนจะจุดระเบิดถังแก๊ส และขอยอมสู้ตายหากตำรวจบุกเข้ามาจับตัวเอง
ตำรวจสายตรวจ ตำรวจงานสืบงานสวน สภ.บ้านหมี่ ต่างพูดจากปลอบประโลม ให้ใจเย็นเห็นแก่ลูกน้อยและเมีย แต่นายอรุณ ก็ยังไม่มีท่าทีสงบ ใช้ไม้ทุบตีสิ่งของภายในบ้านเสียงดังสนั่น โดยมีเสียงร้องเรียกแม่ๆๆ จากน.ส. สุวนันท์ มาเป็นระยะ และเปิดปากตะโกนด่าว่าตำรวจ ที่เคยทุบตีตนเองเมื่อครั้งถูกจับในข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการเมื่อหลายเดือนก่อน จนสุดท้ายนายสุภัทร ลายน้ำเงิน กำนัน ต.บ้านกล้วยเดินทางมาถึง พร้อมขอเจรจา และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางกลับให้หมด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที นายอรุณ จึงยอมมอบตัว กับกำนัน ถอดสายชนวนออกจากถังแก๊ส ลูกเมียลงมาจากบ้านอย่างปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือข้าวของสำคัญอะไรเสียหาย จึงได้นำตัวส่ง สภ.บ้านหมี่ เพื่อดำเนินคดี เบื้องต้นไม่พบสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งยังมีข้อหาอาละวาด ส่วนข้อหาอื่นๆ จะได้พิจารณาอีกครั้งหลังจากการสอบสวนแล้วเสร็จ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางเพชรรา จูมทอง อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นแม่ยาย ว่าเหตุการณ์เป็นเช่นไร ซึ่งนางเพชรา กล่าวว่าลูกเขยซึ่งเป็นชาวใต้รักชอบลูกสาวตน เคยเสพยา แต่ตอนนี้คงเลิกแล้วเนื่องจากมีลูกเล็ก เมื่อเช้าได้ยินว่าจะขอพูดคุยกับ น.ส. เอ ลูกสาวของตนอีกคน ซึ่งเป็นพี่สาวของ น.ส. สุวนันท์ ถึงเรื่องกล่าวหาว่านายอรุณ ค้าขาย เสพยาเสพติด ที่ลูกสาวอยู่หมู่บ้านอื่นและจะมาเลือกตั้ง อบต.ในวันนี้ เกรงจะเกิดเหตุการณ์ร้าย โดยตนเองและเมียได้ขอร้องไม่ต้องรื้อฟื้นเก่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ขอให้ยกโทษกันไป แต่กลับทำให้นายอรุณ เกิดอาการโมโหคลุ้มคลั่ง จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ต่อมาทาง ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ โพลงเงิน รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านหมี่ ได้รับแจ้งจากนางเพชรา แม่ยายว่า เหตุการณ์ทั้งหมด ตนเองและญาติจะไม่ขอเอาเรื่อง ขอถอนแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับนายอรุณ เพราะสงสารลูกและหลาน โดยทางญาติและครอบครัว เห็นพ้องกันว่าในวันนี้จะเหมารถยนต์เพื่อให้ครอบครัวของเขา ซึ่งมีทั้งลูกสาวตนและหลานวัย 2 เดือน กลับไปทำมาหากิน ประกอบอาชีพยังบ้านเกิดที่ จ.ยะลา โดยความสมัครใจ ซึ่งอันเป็นข้อยุติเหตุการณ์ทั้งหมด
กฤษณ์ สนใจ ลพบุรี
Discussion about this post