น.อ.เพชรัตน เทียนจันทร์ ผบ.นก.สอค. ศรชล.ภาค 3 เปิดเผยว่าได้มอบหมายให้ น.อ.ณัฏฐ์ จรัลกุล เสธ.นก.สอค. ศรชล.ภาค 3 จัดกำลังพลในการลาดตระเวนทางน้ำ โดยใช้เรือ ต.232 พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษของหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ออกตรวจบริเวณพื้นที่ร่องน้ำกระบุรี ถึงบ้านหัวถนน ต.น้ำจืดน้อย อ.กระบุรี จ.ระนอง เพื่อป้องกัน สกัดกั้น การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และการลักลอบลำเลียงสินค้าโดยไม่ผ่านพิธีศุลกากร ในระหว่างลาดตระเวนถึงบริเวณช่องสีสิน บ้านดอนกลาง หมู่ 4 ต.น้ำจืด อ.กระบุรี จ.ระนอง พบเรือเรือหางยาว จำนวน 1 ลำ ลักษณะต้องสงสัย จึงขอทำการตรวจค้น พบยางพาราแผ่นดิบ น้ำหนักโดยประมาณ 600 กิโลกรัม
โดยมี นายวิชัย เกตุแก้ว ให้การยอมรับว่า ยางพาราแผ่นดิบจำนวนดังกล่าว ตนได้รับซื้อมาจากพ่อค้าจาก จว.เกาะสอง ประเทศเมียนมา เพื่อมาจำหน่ายให้กับร้านรับซื้อยางพาราในฝั่งไทย เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการควบคุม และจัดทำบันทึกการจับกุม ความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ.2507 (ฉบับที่ 5) เบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักลอบหนีศุลกากร หลีกเลี่ยงข้อห้าม ข้อกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร พร้อมทั้งนำของกลางส่งด่านศุลกากรเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งจากการสอบถามคนในพื้นที่ทราบว่า ผู้ที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มเดิม ๆ หน้าเดิม ๆที่อ้างว่ามีสวนยางพาราในประเทศเมียนมา บทลงโทษทางกฎหมายไม่รุนแรงแค่ยึดหรือเสียค่าปรับเมื่อเสร็จแล้วก้จะกลับไปขนกันใหม่ โดยเฉพาะพวกที่รับจ้างขนเป็นอาชีพ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงานในพื้นที่คอยอำนวยความสะดวกเป็นลูกพี่ใหญ่คอยดูแลเส้นทางสำหรับขบวนการลักลอบขนยางพาราจากประเทศเพื่อบ้าน เพราะซื้อมาในราคาถูกขายในไทยได้กำไรดี แต่ก็มีประชาชนอีกจำนวนหนึ่งที่มีสวนในประเทศเพื่อบ้านจริง ๆ แต่ก็จะไม่ขนมามากเหมือนกับพวกลักลอบทำเป็นอาชีพ
Discussion about this post