ผู้สื่อข่าวจังหวัดพัทลุง รายงานข่าวจากกรณี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส.) และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. ได้เร่งระดมนายตำรวจฝีมือชั้นพระกาฬของ สตช. ลงพื้นที่จังหวัดพัทลุง เพื่อเร่งคลี่คลายคดีรังนก ร่วมกับนายตำรวจฝีมือดีของ ภ.จว.พัทลุง ณ ศูนย์ปฏิบัติการห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุงตั้งแต่วันอังคารที่ 12 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป โดยเมื่อวานนี้(ที่ 12) ขุดสอบสวนดังกล่าวภายใต้การนำของ พล.ต.ต. ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ผู้บังคับการกองอุทธรณ์ (อธ.) ได้มีการสอบปากคำ จนท.ฝ่ายปกครอง ประกอบด้วย อส. และผู้บังคับบัญชา ในสังกัดกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดพัทลุงที่ 1 จำนวน 44 นาย ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น
คืบหน้าเมื่อวันนี้(ที่ 13 9”8” ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ซึ่งใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการงานสืบสวนสอบสวนคดีรังนก พล.ต.ต. ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ผู้บังคับการกองอุทธรณ์ (อธ.) พร้อมคณะ ได้เชิญตัวตำรวจที่ลงปฏิบัติหน้าที่เฝ้ารังนกตามจุดต่างๆ ประมาณ 40 นาย มาให้ปากคำต่อกลุ่มพนักงานสอบสวนทั้งของ สตช. และ ภ.จว.พัทลุง โดยกำลังตำรวจดังกล่าวนี้มาจาก สภ.ปากพะยูน สภ.เกาะนางคำ สภ.เมืองพัทลุง และกำลังตำรวจขุดสืบสวน ภ.จว.พัทลุง ทั้งนี้ ก่อนที่จะเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนนั้น ได้มีการแนะนำ ขั้นตอนการปฏิบัติงาน และการเตรียมเอกสารไว้ให้พร้อม ซึ่งทางชุดสอบสวนได้แจกจ่ายเอกสารที่เป็นแผนผังในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจแต่ละคนให้กรอกรายละเอียด เพื่อนำมาประกอบในการสอบปากคำด้วยด้วย
ทางด้านตำรวจชั้นผู้น้อยรายหนึ่ง เผยว่า การปฏิบัติหน้าที่ของพวกตนนั้นได้ค่าเบี้ยเลี้ยงวันละ 390 บาท หักค่าอาหารวันละ 2 มื้อ เป็นเงิน 150 บาท คงได้รับเงินเพียงวันละ 240 บาท โดยในระยะเวลา 2 วัน มีน้ำให้ใช้ 25 ลิตร / 2 คน สำหรับอาหารที่ทางจังหวัดจัดให้นั้นแทบจะกินไม่ได้จึงต้องเตรียมอาหารไปหุงต้มกันเอง พร้อมทั้งจัดเตรียมเสบียงอาหารไปด้วย ส่วนการปฏิบัติหน้าที่นั้นเป็นไปด้วยความลำบาก จะโดนทั้งฝนและคลื่นลม ซึ่งในแต่ละผลัดจะใช้เวลา 5 วัน จะอยู่ปฏิบัติหน้าที่จุดไหนก็ขึ้นอยู่กับการจัดเวรปฏิบัติหน้าที่ของจังหวัด ซึ่งก็เป็นเหมือนลูกเมียน้อยที่ไม่สามารถเลือกที่อยู่ ที่กิน แสดงความคิดเห็นในการปฏิบัติหน้าที่ได้เลย พวกตนไม่อยากจะลงปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเพราะเกรงว่าจะได้รับความเดือดร้อยภายหลัง แต่เมื่อเป็นกำสั่งของผู้บังคับบัญชาก็ต้องถือปฏิบัติ จนต้องเข้าให้ปากคำต่อตำรวจชุดสอบสวนในครั้งนี้
ตำรวจชั้นผู้น้อยอีกคน เผยว่า การปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นไปด้วยความลำบาก ต้องตากแดดตากฝน ใครไม่ลงปฏิบัติหน้าที่เฝ้ารังนกจะไม่รู้ว่าพวกตนลำบากแค่ไหน และสิ่งที่พวกตนทำใจลำบากก็คือต้องเป็นจำเลยของสังคมในคดีรังนกทั้งๆที่พวกตนไม่มีส่วนรู้เห็นแต่อย่างใด ดังนั้น จึงขอกราบวิงวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเกาะรังนก จงดลบันดาลให้ผู้ขโมยรังนก ผู้อยู่เบื้องหลังการขโมยรังนก รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องทุกๆฝ่ายในคดีรังนกจงได้รับความวิบัติ วินาศ ทุกๆคน พร้อมกันนั้นก็ขอให้ตำรวจที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีรังนกจงเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานตลอดไป
Discussion about this post