
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พร้อมทีมงาน เดินทางลงพื้นที่ตำบลบ้องตี้ และตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อตรวจติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานโครงการน้ำสำรองชุมชนท้องถิ่น ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรี ถือเป็นจังหวัดนำร่อง ที่ได้เริ่มดำเนินงานโครงการดังกล่าว เพื่อแก้ไขปัญหาระบบประปาเดิมที่มีอยู่ในท้องถิ่นชำรุดและปัญหาการขาดแคลนน้ำเข้าสู่ระบบผลิตประปาในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นปัญหาที่สมาคมพัฒนาการปกครองท้องถิ่นไทย
ได้รับข้อร้องขอเข้ามาจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่มา ของการดำเนินงานโครงการน้ำสำรองชุมชนท้องถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยในการดำเนินงานโครงการนั้น จะให้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำข้อเสนอ การติดตั้งถังน้ำขนาดความจุ 1 ล้านลิตร ในพื้นที่ใกล้เคียงกับแหล่งน้ำของชุมชนและอยู่ใกล้กับระบบประปาเดิมที่มีอยู่ พร้อมติดตั้งระบบการสูบน้ำจากแหล่งน้ำในพื้นที่ มาเข้าสู่ระบบการกรองที่ได้มาตรฐาน ช่วยปรับคุณภาพของน้ำ จากแหล่งน้ำในพื้นที่ที่อาจจะมีกลิ่นเหม็นและสกปรก ให้กลับมาใสสะอาดและไม่มีกลิ่นเหม็น โดยใช้พลังงานจากระบบโซล่าเซลล์ ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานเรื่องของการสูบน้ำและกรองน้ำได้ดีกว่า
โดยน้ำที่ผ่านระบบการกรองจะสามารถนำไปใช้ในการอุปโภคบริโภคได้ ก่อนจะสูบน้ำ ที่ผ่านการกรองเรียบร้อยแล้ว เข้าไปเก็บไว้ในถังกักเก็บน้ำความจุ 1 ล้านลิตร ที่จะเชื่อมต่อกับระบบประปาเดิมที่มีอยู่ เพื่อกระจายน้ำไปให้กับชาวบ้านได้ใช้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่มีการขาดแคลนน้ำ โดยเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กล่าวว่า ในทุกๆปี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะทำเรื่องของงบประมาณเพื่อนำมาใช้ปรับปรุงระบบประปาในพื้นที่และของบประมาณสำหรับใช้ในการขุดลอกจำนวนมาก ซึ่งแม้จะได้รับงบประมาณมาใช้ในการแก้ปัญหาแต่ก็ยังต้องแก้ปัญหาแบบนี้ซ้ำไปมาไม่จบสิ้น ซึ่งหากนำมาเปรียบเทียบกับโครงการน้ำสำรองชุมชนท้องถิ่น ที่แม้จะเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมากกว่าการปรับปรุงระบบประปาและการขุดลอกในแต่ละปี แต่หากโครงการนี้ส่งผลดีต่อประชาชน ในพื้นที่ที่จะสามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้อย่างทั่วถึงและยั่งยืน ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งทางทีมงาน จะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลของโครงการน้ำสำรองชุมชนท้องถิ่นนี้ ไปเปรียบเทียบ กับการแก้ปัญหาในแบบเดิม หากพบว่าโครงการน้ำสำรองชุมชนท้องถิ่นเป็นแนวทางแก้ปัญหาที่ดีกว่า ก็พร้อมจะผลักดันเป็นนโยบายการแก้ไขปัญหาระบบประปาท้องถิ่นในระยะยาวต่อไป
เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ยังได้กล่าวอีกว่า จากการสำรวจระบบการดำเนินงานของโครงการน้ำสำรองชุมชนท้องถิ่น พบว่า น้ำที่สูบขึ้นมาจากแหล่งน้ำในชุมชน ที่มีสีค่อนข้างขุ่นและมีกลิ่นเหม็น แต่เมื่อนำมาผ่านระบบการกรองที่ได้มาตรฐาน ก็จะทำให้น้ำมีความใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยังทำให้กลิ่นเหม็นของน้ำหายไป ทำให้สามารถนำน้ำที่ผ่านการกรองนี้ไปใช้ประโยชน์ได้ อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการนำตัวอย่างของน้ำที่ผ่านระบบการกรองนี้ ไปตรวจสอบมาตรฐานของน้ำอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งหากเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าคุณภาพของน้ำอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถบริโภคได้ก็จะถือเป็นสิ่งที่ดีมาก และจะสามารถช่วยให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงน้ำประปาที่มีคุณภาพได้มากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้จะได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับความพึงพอใจของประชาชนในพื้นที่ ต่อโครงการน้ำสำรองชุมชนท้องถิ่นนี้ เพื่อนำกลับมาประมวลผลของโครงการอีกครั้งด้วย
////////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์
Discussion about this post