วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่วัดหนองยาวใต้ จังหวัดสระบุรี มีลิงตัวหนึ่งชื่อ “ประธานจ๋อ” ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตวัดและชุมชนมานานกว่า 4 ปี ด้วยนิสัยเชื่องและเป็นมิตร ประธานจ๋อไม่เพียงแต่รับบาตรพระทุกวัน แต่ยังเล่นกับลูกศิษย์และสร้างรอยยิ้มให้กับชาวบ้าน จนกลายเป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัวของวัด
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ประธานจ๋อเริ่มมีอาการฟันหักและเหงือกบวม ส่งผลให้เจ้าอาวาสและหลวงตาเชิด ผู้ดูแลลิงตัวนี้ เกิดความกังวลและพยายามหาหมอรักษาสัตว์มาช่วยเหลือ ทว่าหลายที่ต่างบอกว่าไม่สามารถรักษาได้ ในที่สุด หลวงตาเชิดจึงตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ให้มารับตัวประธานจ๋อไปรักษา แต่การจากไปครั้งนี้อาจไม่มีวันกลับ

เมื่อเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์นำตัวประธานจ๋อไปตรวจสอบ พบว่ามีเนื้องอกในช่องปาก ซึ่งเกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ที่จะรักษาได้ จึงประสานงานกับกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งตัวลิงไปยังศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่า อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าประธานจ๋อไม่มีการขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย และเนื่องจากลิงจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 จึงไม่สามารถนำกลับมาเลี้ยงที่วัดได้อีก แม้จะมีความผูกพันกับชุมชนมากเพียงใด
หลังจากถูกนำตัวไปที่ปศุสัตว์จังหวัดสระบุรี แบะถูกส่งต่อไปยังศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่านครนายก ภาพของประธานจ๋อนั่งหงอย ซุกหัวกับกำแพง ถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ พร้อมกับกรงที่ว่างเปล่าที่วัด และตุ๊กตาของเล่นที่มันเคยเล่น เสียงของชาวบ้านและลูกศิษย์ยังคงหวังว่ามันจะได้กลับบ้าน
มูลนิธิ HOPE เข้ามาช่วยเหลือ หาทางออกที่เป็นธรรม หลังเกิดกระแสความเห็นใจต่อประธานจ๋อ มูลนิธิ The Hope Thailand ได้เข้ามาช่วยเหลือด้านกฎหมายเพื่อหาทางออกที่เป็นธรรม ทั้งต่อประธานจ๋อและแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้ตามกฎหมาย “ประธานจ๋อ” อาจไม่มีวันได้กลับวัด แต่เสียงของผู้คนที่ผูกพันกับมันยังคงดังก้อง พร้อมคำถามว่า “เราสามารถหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้หรือไม่ เรื่องราวของประธานจ๋อไม่ใช่แค่เรื่องของลิงตัวหนึ่ง แต่เป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับกฎหมาย การอนุรักษ์ และความผูกพันระหว่างมนุษย์กับสัตว์ที่อาจไม่สามารถตัดขาดกันได้ง่าย
เจ้าอาวาสวัดหนองยาวใต้เปิดใจ ผูกพัน “จ๋อ” เหมือนลูก วอนขอความเมตตาให้นำกลับสู่วัด
พระครูปลัดศิรพงษ์ ปรฺกกโม เจ้าอาวาสวัดหนองยาวใต้ จังหวัดสระบุรี เปิดเผยถึงเรื่องราวของ “จ๋อ” ลิงแสมที่อาศัยอยู่ที่วัดมานานกว่า 4 ปี โดยเล่าว่า จ๋อเป็นลิงพลัดหลงที่เคยไปๆ มาๆ ระหว่างวัดและบ้านโยม ช่วงแรกอยู่ที่วัดเพียง 4 วันต่อสัปดาห์ ที่เหลือไปอาศัยบ้านชาวบ้าน กระทั่งมีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องอยู่ที่วัดถาวร
มีครั้งหนึ่งจ๋ออาจถูกทำร้าย หรืออาจไปก่อความวุ่นวายจนชาวบ้านหวาดกลัว ถึงขั้นแจ้ง อบต.ให้มาจับตัว แต่ด้วยความสงสาร โยมบางคนเกรงว่าหากถูกปล่อยคืนป่าจะลำบาก เพราะจ๋ออายุมากแล้ว สุดท้ายจึงสร้างกรงขนาด 10×8 เมตรให้เขาอยู่ เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย
ต่อมา จ๋อเริ่มมีอาการเหงือกบวม ด้วยความเป็นห่วง หลวงตาจึงแจ้งปศุสัตว์ให้เข้ามาดูแล แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางมาพร้อมกับหน่วยงานป่าไม้ กลับตัดสินใจนำตัวจ๋อไป เนื่องจากเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และสุดท้ายถูกส่งต่อไปยังศูนย์ดูแลสัตว์ที่นครนายก พระอาจารย์เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า การต้องพรากจากจ๋อเป็นเรื่องเจ็บปวด เพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา พระสงฆ์และเณรในวัดดูแลจ๋อเหมือนลูก หล่อเลี้ยงด้วยความรักและความเมตตา จ๋อเองก็ดูจะรับรู้ถึงความอบอุ่น เพราะตั้งแต่พลัดหลงมา เขาไม่เคยมีครอบครัว ไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใคร จ๋อเคยเป็นลิงผอมโซ แต่พอมาอยู่กับวัดก็แข็งแรงขึ้น เราให้อาหาร ดูแลทุกวัน เขาชอบแย่งข้าวหมากิน บางทีก็ซื้่อผักให้ เพราะรู้ว่าหากปล่อยไปตามธรรมชาติ เขาคงหาอาหารเองไม่ได้
พระอาจารย์ยังเล่าถึงวันที่เดินทางไปเยี่ยมจ๋อที่นครนายก ว่าท่าทีของจ๋อเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตอนที่อยู่ที่วัด พอเห็นหน้าเราก็จะรีบวิ่งเข้ามา เกาะสบงให้อุ้ม ให้นั่งตัก เกาให้กอด แต่วันที่ไปเยี่ยม เขากลับเมิน ไม่มอง ไม่สนใจ เหมือนโกรธ เหมือนจะถามว่า ทำไมพ่อไม่ช่วย มันเจ็บปวดมาก จนต้องรีบเดินออกมา ไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา แม้เข้าใจดีว่ากฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่ามีไว้เพื่อประโยชน์ของสัตว์เอง แต่ในกรณีของจ๋อ พระอาจารย์อยากให้พิจารณาถึงเรื่องของ “เมตตาธรรม”
“ขอความเมตตาจากผู้ใหญ่ใจดี หากสามารถช่วยเหลือได้ อยากให้จ๋อกลับมาอยู่กับพวกเรา วัดพร้อมดูแลเขาจนวันสุดท้าย เพราะที่นี่คือบ้านของเขา จ๋อเป็นมากกว่าสัตว์ป่า เขาเป็นครอบครัวของเรา”
พระอาจารย์ยืนยันว่าไม่เคยมีเจตนาครอบครองลิง แต่เพียงต้องการให้จ๋อได้รับความรัก ความอบอุ่น จนกว่าจะหมดอายุขัย พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า วัดยินดีดูแลสัตว์ทุกตัว โดยเฉพาะจ๋อ ที่ไม่ต่างจากลูกคนหนึ่ง
หลวงตาเชิดเผยความในใจ หลังถูกโซเชียลโจมตี กรณีแจ้งเจ้าหน้าที่รักษา “จ๋อ”
พระบุญชื่น วุฒิธิโก หรือ หลวงตาเชิด พระสงฆ์ผู้ดูแล “จ๋อ” มาตลอด 4 ปี เปิดใจหลังถูกกระแสโซเชียลโจมตีจากการแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มารักษาลิงแสมตัวโปรด จนสุดท้ายถูกนำตัวออกจากวัด ตอนนั้นจ๋อป่วย เหงือกบวม คล้ายมีเนื้องอก หลวงตาจึงพาไปพบสัตวแพทย์ที่ปศุสัตว์สระบุรี ซึ่งบอกว่าจะประสานหาหมอเฉพาะทางให้ ต่อมาเจ้าหน้าที่เดินทางมาที่วัด แต่ไม่ได้แจ้งอะไรให้ทราบ จนมารู้ทีหลังว่าจ๋อถูกพาตัวไปและไม่ได้ส่งกลับมา เพราะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
หลวงตาเผยว่ารู้สึกเสียใจ เพราะคลุกคลีกับจ๋อมาตลอดและรักเหมือนลูก ช่วงนี้แม้จะไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมเพราะอาพาธ แต่พระอาจารย์ยังคงไปเยี่ยมสม่ำเสมอ ตอนแรกจ๋อถูกส่งไปอยู่ในที่คับแคบ ทำให้มีอาการเครียด แต่เมื่อล่าสุดถูกย้ายไปศูนย์ที่นครนายก ซึ่งมีกรงกว้างกว่า อาการก็เริ่มดีขึ้น อยู่ที่วัด จ๋อมีเณรมาคอยเล่นด้วยตลอด ตอนนี้พอไปอยู่ที่ใหม่ อาจรู้สึกแปลกที่บ้าง เอฟซีกับพระอาจารย์ก็พยายามหาทางนำจ๋อกลับมา เพราะจ๋อไม่เคยทำร้ายใคร เป็นที่รักของคนในชุมชน
หลวงตายังฝากถึงเจ้าหน้าที่ว่า หากต้องการนำจ๋อคืนสู่ธรรมชาติ อาจเป็นเรื่องยาก เพราะจ๋อถูกเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กและไม่สามารถหาอาหารเองได้ “เราให้อาหารตลอด เขาคงไม่มีทักษะเอาตัวรอด ขอความเห็นใจ หากเป็นไปได้ก็อยากให้จ๋อกลับมา
สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลวงตาเผยว่าไม่ได้คาดคิดว่าการแจ้งเจ้าหน้าที่จะนำไปสู่เหตุการณ์เช่นนี้ หลวงตาไม่เคยคิดร้ายต่อจ๋อ แค่ต้องการให้เขาหายดี คนที่มองว่าหลวงตาอิจฉาหรือไม่รักจ๋อ คงเข้าใจผิด เพราะหลวงตาดูแลจ๋อมากว่า 4 ปีแล้ว ความรักและผูกพันไม่ใช่เรื่องเสแสร้ง สุดท้าย หลวงตาไม่ได้ตอบโต้คอมเมนต์ในโซเชียล เพราะเชื่อว่าความเข้าใจผิดจะคลี่คลายไปเองในที่สุด
ปศุสัตว์สระบุรีแจง! กรณีลิงแสม ถูกส่งตัวไปรักษาแต่ไม่ได้กลับวัด
นายสัตวแพทย์จามร ศักดินันท์ ปศุสัตว์จังหวัดสระบุรี เปิดเผยถึงกรณีลิงแสมที่ถูกส่งตัวไปรักษาแต่ไม่ได้กลับวัดว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพระสงฆ์ให้ช่วยดูอาการของลิง เนื่องจากมีปัญหาบริเวณเหงือกและพบก้อนเนื้อบนเพดานปาก เบื้องต้นจำเป็นต้องเอกซเรย์และตรวจโดยสัตวแพทย์เฉพาะทาง เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกธรรมดาหรือเนื้อร้าย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลิงแสมเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เจ้าหน้าที่จึงประสานงานไปยังหน่วยงานด้านทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งมีสัตวแพทย์เฉพาะทางดูแลอยู่ โดยเข้าใจว่าเมื่อตรวจรักษาเสร็จสิ้นแล้วจะสามารถส่งตัวกลับได้ แต่เมื่อตรวจสอบสถานะ พบว่าลิงตัวนี้ไม่มีการขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย จึงต้องถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลต่อ
วันนั้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้คาดคิดว่าการส่งตัวไปตรวจรักษาจะนำไปสู่การโยกย้ายลิงไปที่อื่น แต่เมื่อพบว่าเกินขอบเขตอำนาจของเรา จึงต้องส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญ ทุกฝ่ายไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ นายสัตวแพทย์จามรกล่าว
FC ลิงแสมวอนขอให้ “จ๋อ” กลับสู่อ้อมกอดพระอาจารย์
นางสาวอิงออน สายดี ผู้ติดตาม “จ๋อ” มาตลอด 4 ปี เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาหาพระอาจารย์และเตรียมไปเยี่ยมจ๋อ เพราะรู้สึกผูกพันกับลิงตัวนี้เป็นอย่างมาก
“เมื่อก่อนจ๋อเป็นลิงเร่ร่อน มักมาหาพระอาจารย์เวลา หิว พอมาอยู่บ่อยๆ ก็เริ่มคุ้นเคย พระอาจารย์ให้อาหารและดูแลอย่างดี จึงเกิดความผูกพันกัน จ๋อไม่เคยทำร้ายใคร แต่พระอาจารย์กังวลว่าหากไปก่อกวนชาวบ้าน อาจถูกทำร้าย จึงสร้างกรงให้จ๋ออยู่ พร้อมมี FC คอยส่งอาหารมาให้เสมอ”
ต่อมา จ๋อมีอาการเจ็บเหงือก จึงถูกส่งไปรักษา แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้กลับวัด ทำให้พระอาจารย์และเหล่า FC พยายามหาทางนำตัวจ๋อกลับมา เนื่องจากจ๋อมีอาการเครียดจนถอนขนตัวเอง พระอาจารย์ที่เดินทางไปเยี่ยมพบว่าทุกครั้งที่เจอกัน จ๋อจะแสดงความดีใจ นอนหนุนตักและให้หวีขนให้เหมือนเดิม
“พวกเราร้องไห้กันหมด รวมถึงพระอาจารย์ เพราะท่านรักและผูกพันกับจ๋อมาก จ๋อเป็นลิงที่อ่อนโยน ไม่ดุร้าย อยู่ที่วัดจนชินแล้ว ถ้าต้องอยู่ในที่ใหม่ อาจเกิดความเครียดและหงุดหงิด”
นางสาวอิงออน ฝากถึงผู้ใหญ่ใจดีช่วยให้จ๋อกลับมาอยู่ที่วัดตามเดิม เพราะเป็นที่ที่จ๋อคุ้นเคยและได้รับความรักความเมตตาจากพระสงฆ์และผู้ติดตามมาโดยตลอด
ปานวาด สุขไพบูลย์/ สระบุรี 0815122131
Discussion about this post