หลังเกิดกรณีแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โพสต์ผ่านสื่อโซเชี่ยลบ่นน้อยใจจนอยากจะลาออก จากรณีนักท่องเที่ยวชาวอิราเอลบุกเข้าไปป่วนในโรงพยาบาล โดยไม่แคร์สายตาผู้คนหรือไม่สนใจกฎหมาย-กฎสากลของสถานรักษาพยาบาลนั้น จนสร้างความไม่พอใจกับชาวเมืองปายกระจายเป็นวงกว้างนั้น
ล่าสุดด้าน นายณพล พาหุมันโต นายอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน สั่งการให้ฝ่ายปกครองประสานกับสถานีตำรวจภูธรปาย ดำเนินการตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกับให้ติดตามตัวนักท่องเที่ยวอิสราเอลที่ก่อเหตุมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที ซึ่งผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรปาย พันตำรวจเอกสำเร็จ สามสีทอง สั่งการให้ พันตำรวจโทชินน์ สนธิ รองผู้กำกับสืบสวนสอบสวน ประสานกับทางโรงพยาบาลปายเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดและทำการติดตามตัวนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว โดยทราบจากแพทย์และพยาบาลว่ากรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ระหว่างที่ทีมแพทย์ฉุกเฉินรับตัวนักท่องเที่ยวรายหนึ่งที่บาดเจ็บจากการขับรถจักรยานยนต์หกล้มได้รับบาดเจ็บและต่อมามีชายทั้ง 4 คน ทราบชื่อต่อมาคือ Mr.Daniel Gagaev อายุ 24 ปี Mr.Aviv Rom อายุ 26 ปี Mr.Or Emanoel Ashton อายุ 25 ปีและ Mr.Dan Nisko อายุ 25 ปี ทั้งหมดถือพาสปอร์ตสัญชาติอิสราเอลและเป็นเพื่อนของผู้บาดเจ็บ ที่แพทย์กำลังให้การรักษา แต่ทั้งหมดพยายามบุกรุกเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน แม้แพทย์และพยาบาลจะพยายามห้ามปรามและขอร้องแล้ว แต่ทั้งหมดก็ไม่ฟัง ยังคงส่งเสียงโวยวายก่อกวนและยังจะหาทางเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินอยู่ตลอดเวลา ก่อความเดือดร้อนรำคาญกับผู้คนและผู้ป่วยรายอื่นๆ นอกจากนี้ยังแสดงกริยาไม่สุภาพ ด่าหรือทำสีหน้าเหยียดคนอื่น ทำให้ทางโรงพยาบาลต้องแจ้งไปยังตำรวจให้เข้ามาระงับเหตุ นำตัวมายังสถานีตำรวจภูธรปาย พร้อมกับประสานไปยังตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มาร่วมทำการสอบสวน สุดท้ายก็ยอมรับว่ากระทำการดังกล่าวจริง โดยให้เหตุผลว่าอยากจะเข้าไปดูอาการเพื่อนเท่านั้น แต่ทางตำรวจได้ชี้แจงให้ทราบถึงกฎหมายและข้อปฏิบัติสากลในสถานพยาบาลให้ ซึ่งทุกคนก็ยอมรับข้อกล่าวหาและถูกดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับไปรายละ 3,000 บาท พร้อมกับให้ลงลายมือชื่อไว้ว่าจะไม่กระทำการใดๆ ที่ไม่เหมาะสมอีกระหว่างที่ยังท่องเที่ยวอยู่อำเภอปาย ก่อนที่จะปล่อยตัวไป
ด้านพันตำรวจโท สุพรรณ ช่ำชอง สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรปาย เจ้าของคดี กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุนั้นได้รับแจ้งจากทางวิทยุสื่อสารว่ามีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลเข้าไปก่อเหตุความเดือดร้อนรำคาญที่หน้าห้องฉุกเฉิน เบื้องต้นได้ให้สายตรวจจักรยานยนต์เข้าไประงับเหตุก่อน เมื่อตำรวจไปถึงก็พบว่านักท่องเที่ยวทั้ง 4 คนไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ในการห้ามไม่ให้เข้าในห้องฉุกเฉิน บอกแค่ว่าอยากจะเข้าไปเยี่ยมเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่แพทย์บอกแล้วว่าเข้าไปไม่ได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่กำลังให้การรักษาผู้บาดเจ็บอยู่หรือเป็นพื้นที่ Save Zone เพื่อความปลอดภัยหรือไม่ให้กีดขวางการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ที่กำลังให้การรักษา แต่ทั้งหมดก็ยังส่งเสียงดังและรบกวนผู้อื่นที่อยู่ในโรงพยาบาลและยังพยายามจะเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นจึงขอให้ตำรวจเข้าไประงับเหตุดังกล่าวแล้วเชิญตัวนักท่องเที่ยวทั้ง 4 คนไปที่สถานีตำรวจภูธรปาย จากนั้นก็ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดก็พบว่าเป็นการกระทำความผิดตามมาตร 397 พร้อมบังคับใช้กฎหมายและเปรียบเทียบปรับ ซึ่งอัตราโทษสูงสูดจะต้องเสียค่าปรับสูงสุด 5,000 บาท และต่อมาก็จำนวนต่อหลักฐานคือภาพจากกล้องวงจรปิดจึงยินยอมเสียค่าปรับไปเรียบร้อยในเวลาต่อมา
ขณะที่ พันตำรวจโทชินน์ สนธิ รองผู้กำกับสืบสวนสอบสอน สภ.ปาย กล่าวถึงกรณีปัญหาในพื้นที่ปาย ว่า ที่ผ่านมานั้นการดำเนินการเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวของอำเภอปายที่เพิ่มมากขึ้นนั้น ก็พยายามประชาสัมพันธ์ให้กับนักท่องเที่ยวทุกชาติ ได้ทราบถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ พรบ.จราจร การสูบบุหรี่หรือกัญชาในที่สาธารณะ รวมถึงกรณีอื่นๆ ก็มีการดำเนินคดีและมีการผลักดันออกนอกพื้นที่มาโดยตลอด โดยเฉพาะปัญหาการจราจรที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวมักกระทำผิดนั้น ก็จะต้องดำเนินคดีทั้งร้านให้เช่ารถและนักท่องเที่ยวผู้ขับขี่ หากตรวจพบว่าปล่อยให้เช่าโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ก็พบว่าสถิติการจับกุมเพิ่มมากขึ้น แต่จะต้องตรวจสอบเปรียบเทียบกับสถิติของปีที่ผ่านมาอีกครั้งหนึ่ง ที่ผ่านมาทางตำรวจเองได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านมาก็ต้องเร่งดำเนินการใกล้จะครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
ทางด้านผู้ประกอบการรายหนึ่งที่เปิดกิจการที่อำเภอปายมากว่า 30 ปี คือ นายเจริญ แดงเกตุ ยอมเปิดเผยข้อมูลกับทางทีมข่าว ว่า จากที่ผ่านมาจนถึงวันนี้มีปัญหามากมายที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวของอำเภอปาย ส่วนหนึ่งมาจากผู้ประกอบการเองไม่ได้คุยกันหรือไม่ได้คุยกันถึงกติกาของสังคม แต่ผู้คนที่มากขึ้นทางเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเองก็ต้องจัดลำดับของการแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเสียงดังจากการจัดงานรื่นเริงที่ไปรบกวนชาวบ้านหรือชุมชน ที่ตนเองมองว่าทุกอย่างมันสามารถแก้ไข โดยให้ทางผู้ประกอบการและส่วนราชการเปิดเวทีมาพูดคุยกัน มาทำข้อตกลงร่วมกัน ในลักษณะของประชาพิจารย์หรือประชาคมร่วมกันที่น่าจะเป็นทางออกที่ดี เพราะเดิมทีนั้นเมืองปายอยู่ร่วมกันแบบพี่น้อง แต่ผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้ามาก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เพราะนักท่องเที่ยวเค้าเข้ามาเพียง 3-4 วันก็กลับออกไป แต่เราจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวรู้ว่าที่เดินทางเข้ามาที่เมืองปายนี้จะต้องมีเรื่องของศิลปวัฒนธรรมแบบเมืองปายที่ชัดเจน ส่วนกรณีเกิดเหตุจากชาวอิสราเอลทั้ง 4 คนป่วนที่โรงพยาบาลนั้น มองว่าเรามีกฎหมายอยู่แล้ว แต่น่าจะมาจากตัวบุคคลมากกว่า เพราะทุกวันนี้นักท่องเที่ยวที่ดีก็มีจำนวนมากกว่า ที่น่าจะต้องเพิ่มป้ายเตือนให้มากขึ้นและครบทุกภาษา ส่วนการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวยิวในระยะหลังนี้ก็น่าจะมีส่วนของปัญหาที่เพิ่มขึ้นได้บ้าง…………………………
////////////////////////////////
วิรัตน์ นันทะพรพิบูลย์ จ.แม่ฮ่องสอน
Discussion about this post