เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร เผยทราบเรื่องคำสั่งเพิกถอนที่ดินอันไพน์ให้กลับกลายเป็นธรณีสงฆ์แล้ว มีให้เลือก 2 ทางคือ 1.ออกพระราชบัญญัติที่ดินให้กับญาติโยมไป 2.ให้ดำเนินการเพิกถอน โดยให้วัดไปออกโฉนดเป็นโฉนดวัดเหมือนเดิม พร้อมดำเนินการตามคำสั่งรัฐบาล แย้มญาติโยมเห็นต่างสองฝ่าย ขณะที่ไวยาวัจกรวัดมีพิรุธแปลกๆ ปัดให้สัมภาษณ์สื่อก่อนหน้านี้ แถมระหว่างให้สัมภาษณ์เดินมากระซิบเจ้าอาวาสบอกยังไม่ให้ข้อมูล
จากกรณีปัญหาชาวบ้านร้องเรียนแก้ปัญหาเรื่องที่ดินธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหาร หรือที่ดินอัลไพน์ หมู่บ้านราชธานีคลองหลวง ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 60 ที่มีการแก้ปัญหาล่าช้าเกินควร ทำให้เกิดความเสียหายกว่าหลายหลังคาเรือน รวมไปถึงแนวทางการเยียวยาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น
กระทั่งกระทรวงมหาดไทย (มท.) แจ้งว่า นายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เซ็นเพิกถอนการจดทะเบียนฯ และนิติกรรมต่างๆ ในที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์แล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา และเตรียมส่งเรื่องไปให้กรมที่ดินดำเนินการต่อไปนั้น
ความคืบหน้าในการดำเนินการหลังจากนี้พระเทพวชิรสุธี เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร และ เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ธรรมยุต)ใหข้อมูลประเด็นที่รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เซ็นคำสั่งเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ให้กลับมาเป็นที่ดินของวัดหรือธรณีสงฆ์นั้น โดยทางวัดเองขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร รอคำสั่งการมายังวัด ทางวัดทราบดีอยู่แล้วว่าที่ดินได้ขายให้เขาไปแล้ว คือมีให้เลือก 2 ทางคือ 1.ออกพระราชบัญญัติที่ดินให้กับญาติโยมไป 2.ให้ดำเนินการเพิกถอน โดยให้วัดไปออกโฉนดเป็นโฉนดวัดเหมือนเดิม ซึ่งก็แล้วแต่คำสั่งของรัฐบาล เพราะทางวัดเองก็ไม่สามารถตัดสินใจทำอะไรได้เนื่องจากตอนนี้มีความเห็นของญาติโยมที่เห็นไม่ตรงกัน โดยแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย
ทั้งนี้ ระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ นายบุญยัง ไวยาวัจกรวัด เดินมากระซิบบอกกับพระเทพวชิรสุธี เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร ว่าไม่ให้ข้อมูล และท่านเจ้าอาวาสฯ ก็หันไปตอบว่า “ก็นี่แหละ บอกเขาไปอย่างที่บอกกับคณะกรรมการไปนี่แหละ” คือจริงๆแล้วพระผู้ใหญ่กับเจ้าหน้าที่ต่างๆเขาไม่ให้อาตมาพูดมาก” รัฐบาลทำแบบไหนวัดก็ต้องทำแบบนั้น เพราะวัดทำอะไรไม่ได้ เพราะหลวงพ่อคนก่อนท่านผาธิกรรม (ขาย) ไปแล้ว ทีนี้ว่ามันไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ว่ากันไป
ส่วนกำหนดแนวทาง หรือการช่วยเหลือชาวบ้านนั้น ทางวัดไม่มีอะไรหรอก ทางวัดยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพิ่งทราบข่าวจากที่โยมมาบอกนี่แหละ แต่เจ้าหน้าที่มาหลายหนแล้วเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลบ้างอะไรบ้าง ทางญาติโยมเขามาบ้าง ก็เคยมาให้อาตมาไปแจ้งความ แต่อาตมาก็บอกว่าอาตมาทำไม่ได้หรอก เพราะญาติโยมมีอยู่ 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งก็ถือว่าอาตมาเป็นเจ้าอาวาส ต้องรักษาผลประโยชน์ของวัดอะไรต่างๆ และอีกฝ่ายนึงก็บอกว่าขายไปแล้ว และทุกวันนี้หลวงพ่อก็ยังใช้เงินเขาอยู่ แล้วหลวงพ่อจะเอาคืนหลวงพ่อคิดยังไง คือทางวัดทำอะไรไม่ได้หรอกโยม ก็แล้วแต่ผู้หลักผู้ใหญ่เขาจะไปทางไหนอะไรยังไง
ส่วนกรณีที่จะมีการฟ้องร้องกับทางวัดนั้น ก็ไม่มีปัญหาหรอก ทางเจ้าหน้าที่เขาบอกกับอาตมาว่า หลวงพ่อถ้าอย่างนั้นก็ให้โยมเขาไปเถอะนะ เราก็ขายให้เขาไปแล้วคราวนี้อาตมาก็แล้วก็มีอยู่ครั้งนึงเขาบอกว่าเขาจะเอาไอ้นั่นมาให้วัด แล้วเขาก็พูดถึงเรื่องปัจจัย อ๋อปัจจัยไม่มีหรอกโยม เพราะว่าใช้สร้างวัดสร้างอะไรไปหมดแล้ว ถ้ามีก็เฉพาะเงินต้นเท่านั้นเอง พูดแค่นี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย คือถ้าเขาจะคืนที่ให้วัดจะว่ายังไง ก็บอกว่าไม่มีปัญหานิโยม แล้วก็คุยไปคุยมาเขาก็ถามเรื่องปัจจัย อาตมาก็บอกว่าปัจจัยก็มีเฉพาะแค่เพราะว่าดอกเบี้ยที่ได้มา ก็เอามาสร้างวัดหมดแล้ว ตอนนั้นหลวงพ่อใหญ่ท่านบอกวัดนี้เป็นวัดหลวง แต่สภาพวัดดูเหมือนไม่เหมือนวัดหลวงเลย ท่านก็เลยปรารภว่าจะพัฒนาวัด มันก็เลยมีประเด็นขึ้นมาแบบนี้
และเมื่อถามถึงความกังวลใจนั้น เจ้าอาวาสฯ บอกว่า ตอนนี้คือจริงๆก็ไม่ได้กังวลใจอะไรแล้ว ตอนใหม่ๆก็ตกใจเหมือนกัน แต่ตอนนี้ก็คือก็แล้วแต่เขาจะนั่นยังไงก็ว่ากันไปตามนั้น ก่อนปิดท้าย ทีมข่าวได้ถามว่า รู้สึก แปลกใจมากเลยตอนขอสัมภาษณ์ทำไมไวยากรณ์วัดถึงบอกว่าท่านติดกิจนิมนต์ที่บางสะพาน ท่านเจ้าอาวาสบอกว่า อาตมาไป เพิ่งกลับมาแล้วก็มาทำงานนี่แหละ
Discussion about this post