
วันนี้ (22 ก.ย.) สถานการณ์การฟื้นฟูหลังน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่เขตเทศบาล ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยังคงเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะชุมชนหัวฝายซึ่งเป็นจุดแรกของประเทศไทยที่รับน้ำจากลำน้ำสายและเป็นที่ตั้งของจุดผ่อนปรนหัวฝายและป้อมยาม สภ.แม่สาย มีประชากรอาศัยอยู่ไม่น้อยกว่า 200 ครัวเรือน พบว่าหลังน้ำแห้งได้กว่า 1 สัปดาห์ ยังคงมีดินโคลนที่เริ่มแข็ง เศษไม้และวัชพืชติดอยู่ทั่วอาคารโดยหลายหลังดินอยู่สูงกว่าหลังคาบ้านและบ้านเรือนส่วนใหญ่มีดินอยู่เต็มอาคาร มีบ้านเรือนเสียหายทั้งหลังหลายหลัง อาคารจุดผ่อนปรนถูกดินทับครึ่งอาคาร ป้อนยามตำรวจพังทั้งหลังเหลือแต่ป้ายตั้งอยู่ ขณะที่รถจักรยานยนต์หลายคันจมอยู่ในดินโดยยังไม่สามารถเอาออมาได้ ทั้งนี้ทีมตอบโต้ภัยพิบัติ เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) กองทัพบก และภาคเอกชน ได้ระดมเครื่องจักรทั้งรถแบคโฮ แทรคเตอร์ รถบรรทุก ฯลฯ เข้าไปขุดตักดินออกตลอดทั้งวัน รวมทั้งจัดกำลังทหารเข้าไปช่วยชาวบ้านนำดินโคลนออกติดต่อกันมาหลายวันแล้ว
ขณะที่ชาวบ้านส่่วนใหญ่พากันไปพักอาศํยอยู่ที่ศูนย์พักพิงตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะที่วัดถ้ำผาจมที่อยู่ใกล้กับชุมชน โดยทางทีมตอบโต้ภัยพิบัติ เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) กองทัพบก เทศบาล ต.แม่สาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำอาหารและน้ำดื่มไปแจกจ่ายให้ทุกวัน ซึ่งสภาพของชาวบ้านแต่ละรายยังคงอยู่ในอาการตื่นตระหนกและสูญเสียเพราะกระแสน้ำที่พัดเข้าชุมชนหัวฝายลึกกว่า 2-3 เมตร ไหลเชี่ยวและมีระดับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ซจนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และหลายคนติดอยู่ตามอาคารสูงติดต่อกันหลายวัน
ด้านนายวิฑูรย์ โล่ห์เดชศักดา จากทีมตอบโต้ภัยพิบัติ เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) กล่าวว่าเดิมระดับน้ำทำให้เกิดดินโคลนสูงและต่อมาน้ำลดลงเหลือเพียงประมาณ 2-3 เมตรเข้าปกคลุมอาคารบ้านเรือนบางหลังถึงขั้นสอง กระทั่งปัจจุบันมีการอัดแน่นอยู่เต็มอาคาร การจัดการจึงต้องเชิญชาวบ้านแต่ละหลังมาพูดคุยว่าจะให้จัดการอย่างไรกับตัวบ้านดี เช่น รื้อ นำส่วนต่างๆ ของบ้านออก นำดินออก นำทรัพย์สินมีค่าต่างๆ ในบ้านออก ฯลฯ ตามลำดับ.
Discussion about this post