*”ดร.มหานิยม” พาขึ้นเขาภูพานนมัสการพระมหาเปรียญ 9 ประโยค ทิ้งยศตำแหน่ง จากชลบุรีมุ่งปฎิบัติธรรมถ้ำผาขามสกลนครรูปเดียวมานาน 11 พรรษา งดกิจนิมนต์ไม่รับบรรดาศักดิ์ใดๆ
วันที่ 4 สิงหาคม 2567 “ดร.นิยม เวชกามา” หรือฉายา “ดร.มหานิยม” อดีต สส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (คนที่ 1 )และรมว.พาณิชย์ (นายภูมิธรรม เวชยชัย) นำทีมงานคือ นายเรืองสุวรรณ โยวะ อดีต ผจก.ปนะปา จ.สกลนคร นายธนาวิทย์ คื้มยะราช” ประธานกลุ่มอาสานำเที่ยวภูผาด่าง อ.โคกศรีสุพรรร เข้านมัสการ “พระมหาภิรมย์ ฐิตธัมโม” เปรียญธรรม 9 ประโยค ที่สำนักสงฆ์ถ้ำผาขาม บ.ห้วยยาง ต.เหล่าโพนค้อ อ.โคกศรีสุพรรณ ซึ่งเทือกเขาดังกล่าว อยู่ในเขต อช.ภูผายล-ภูค้อ ซึ่งมีรอยต่อระหว่าง จ.สกลนคร จ.นครพนม จ.มุกดาหาร โดยพระมหาภิรมย์ ได้เมตตาพาเดินป่าชมหน้าหน้าผาขาม และถ้ำเขียนสี ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร เคยมาตรวจสอบ สันนิษฐานว่ามีอายุระหว่าง 2,500 – 4,000 ปี โดยเพิ่งค้นพบเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา
ดร.นิยม กล่าวว่า ในการเดินท่องไพรครั้งนี้ จากสำนักสงฆ์ไปถึงหน้าผาขาม เพียงระยะทางแค่ 700 เมตร แต่เนื่องจากวันนี้ฝนตกพื้นดินเฉอะแฉะ ประกอบพื้นดินที่เดินจากสำนักสงฆ์ไปถึงหน้าผาเป็นลานหินหิน ซึ่งมี ความลาดชันและลื่นจึงต้องเดินด้วยความระมัดระวังใช้เวลาทั้งไปและกลับถึง 4 ชั่วโมง
สำหรับพระมหาภิรมย์ ฐิตธัมโม เปรียญธรรม 9 ประโยค จากสำนักเรียนวัดสามพระยา บางลำภู กรุงเทพมหานคร อายุ 57 ปี 37 พรรษา เดิมพระมหาภิรมย์เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองเสม็ดสันติธรรมมาราม อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี เคยตั้งสำนักสอนพระและสามเณรอยู่หลายปี
ต่อมา เห็นว่าการศึกษาด้านปริยัติธรรมท่านก็จบถึงชั้นเปรียญ 9 ประโยค ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดแล้ว จะปฏิบัติธรรมสู่เส้นทางวิปัสสนากรรมฐาน จึงลาหลวงพ่อเจ้าอาวาส เดินทางสู่ จ.สกลนคร เพื่อแสวงหาพระอาจารย์ผู้มีคุณธรรมในด้านวิปัสสนากรรมฐานหลายรูป
ครั้งแรกท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านหนองมะเกลือ ต.ดงชน อ.เมืองสกลนคร 1 พรรษา จากนั้นได้มาปักกลด บริเวณหน้าผาขาม เมื่อเห็นว่าที่ตรงนี้มีความสงบเหมาะในการปฎิบัติธรรมก็จำพรรษาอยู่ตรงนี้เรื่อยมาติดต่อกันเป็นเวลา 11 ปีแล้ว
พระมหาภิรมย์ เล่าว่า ระหว่างนั้นหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดที่เคยจำวัดอยู่ ได้มาติดตามท่านถึงเทือกเขาสูงแห่งนี้ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีกุฏิหรือที่พักสงฆ์ เพื่อนิมนต์ให้กลับไปเป็นเจ้าอาวาสวัดและต้องให้ตำแหน่งสัญญาบัตร แต่ท่านขออยู่แบบนี้ หลวงพ่อเจ้าอาวาสไม่ขัดข้องจึงจำพรรษารูปเดียวตลอดมา ต่อมาได้มีญาติโยม พุทธบริษัทจาก จ.ชลบุรี และพื้นที่มาปลูกสร้างอาคารศาลาเพื่อปฎิบัติธรรม แต่พื้นที่กันดารห่างไกลหมู่บ้าน ไม่มีไฟฟ้าไม่มีน้ำประปา ใช้น้ำภูเขาจึงไม่มีพระรูปใดที่อยู่ได้นาน แค่ 5 วัน 10 วันหรือ 20 วันก็จากไปแล้ว แต่ก็มีญาติโยมมาปฎิบัติธรรมเป็นระยะๆ “อาตมาได้จำพรรษาตลอดมาและก็มีความประสงค์ที่จะอยู่แบบสงบไม่รับกิจนิมนต์ใดๆไม่ว่าใกล้ไกลขอปฎิบัติธรรมอย่างสงบ ส่วนภัตตาหารก็ฉันวันละครั้ง สำนักนี้ไม่มีการเรี่ยไรไม่มีผ้าป่า ไม่มีกฐิน ไม่มีรายได้จากการถวายทาน อาตมามีค่านิตยภัติจากการจบประโยค 9 เดือนละ 4,100 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของสำนักปฎิบัติธรรมนี้ ภัตตาหาร ก็ได้จากการออกบิณฑบาตรบ้าง ได้จากญาติโยมพุทธบริษัทขึ้นมาถวายบ้าง เพราะฉันวันละครั้งจึงไม่เดือดร้อนอะไร อาตมาไม่ได้หวังยศหวังตำแหน่ง ขอบำเพ็ญเพียรเพื่อพ้นทุกข์จากวัฏสงสาร” พระมหาภิรมย์ กล่าว
ผาขาม เป็นหน้าผาชัน สูงประมาณ 100 เมตร กว้างยาวประมาณ 200 เมตร มองเห็นทัศนียภาพของความเชียวขจีเทือกเขาภูพานได้อย่างเต็มที่ ส่วนประตูแห่งกาลเวลา ตรงประตู ยาว 15 เมตร สูงประมาณ 6 เมตร มีเจดีย์แปดเหลี่ยม สูงประมาณ 2 เมตร ยอดดอกบัว มีความหมายว่ามักมีองค์แปดดอกบัวหมายถึงดอกไม้ที่ไหว้พระพุทธเจ้า ส่วนส่วนภาพเขียนสีบนผนัง กรมศิลปากรวิเคราะห์ไว้ว่าอายุ 2,500 ปีถึง 4,000 ปีนั้นยังบอกไม่ได้ว่าเป็นภาพเขียนอะไรเพราะยังไม่ชัด แต่ตามภาพน่าจะเป็นผาแต้มแหางที่สองของประเทศไทยนอกจากที่ จ.อุบลราชธานี
///////////////////// วัฒนะ แก้วก่า/สกลนคร 0819541528
Discussion about this post