เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. และคณะเดินทางมาให้กำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายปกครอง และตำรวจ ในการปราบปรามยาเสพติด โดยมีนายณัฐพงศ์ คำวงศ์ปิน รอง ผวจ.อุดรธานี พล.ต.ต.สรรธาน อินทร์จักร ผบก.ภ.จว.อุดร ธานี นำหัวหน้าสถานีตำรวจ 23 สถานีในพื้นที่ ขณะที่มี ส.ส.อุดร ธานี พรรคเพื่อไทย 5 คนนำโดยนางเทียบจุฑา ขาวขำ ร่วมประชุมสังเกตการณ์ด้วย
พ.ต.อ.ทวี ฯ กล่าวว่า ยาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด ที่รัฐบาลมีนโยบายจะจัดการภายใน 1 ปี ทุกฝ่ายยอมรับว่าต้องแก้ระดับครอบ ครัว จากที่เราแก้ประมวลยาเสพติดเมื่อปี 64 ผู้เสพสมัครใจรับการบำบัด หากไม่สมัครใจก็เข้ากระ บวนการยุติธรรม ตรงนี้เป็นช่องว่างสำคัญ เพราะผู้เสพไม่สมัครใจบำบัด เมื่อถูกจับก็ส่งฟ้องอัยการ ฟ้องศาล ศาลสั่งให้คุมประพฤษ แต่คุมประพฤษไม่มีห้องขัง ก็ปล่อยตัวให้กลับบ้าน คนที่ถูกด่าก็คือตำรวจ ทั้งที่ทำสุดกระบวนการแล้ว

“ข้อมูลล่าสุดพบว่าอีสานตอนบน มีความรุนแรงยาเสพติดมากที่สุด จากการทะลักมาตามแนวชาย แดน แม้ไม่ได้จับกุมจำนวนมากเหมือนภาคเหนือ โดยตัวเลขจนถึงวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่อีสานตอนบนถูกคุมประพฤติคดียาเสพติด 119,563 คน โดย จ.อุดรธานี มีอยู่รวม 12,814 คน ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า พบกับ ส.ส.อุดรฯตอนลงเครื่อง เขาบอกว่าจะอภิปราย รมว.ยุติธรรมจับแล้วปล่อย เป็นเรื่องข้อกฎหมายหรือไม่เรามาคุยกัน วันนี้จะให้คุมประพฤติส่งรายชื่อให้ตำรวจ ไปเฝ้าระวังติดตามจับผู้ค้า”
รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อไปอีกว่า ในเรือนจำกลางอุดรธานีมีผู้ถูกคุมขัง เป็นคดียาเสพติดมากถึง 80 เปอร์ เซ็นต์ ยังไม่รวมผู้เสพ-ผู้ค้า ที่ยังไม่ถูกจับกุมหรือคุมประพฤติ เราให้โจทย์ไปว่าทำไมยาเสพติดระบาดมากอีสานตอนบน เพราะยาเสพติดเหล่านี้กองอยู่ฝั่งโน้น แล้วข้ามมาครั้งละแสนๆเม็ดมาระบาด อีสานตอนบนจึงเหมือนเป็นเมืองหลวงยาเสพติด อุดรธานีก็เป็นสาขาของเมืองหลวง พวกเราจึงต้องลุกขึ้นมาช่วยแก้ปัญหา ตนเองได้ไป สปป.ลาว และจีนมา คุยเรื่องสกัดสารตั้งต้น สถาน การณ์น่าจะดีขึ้น
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวด้วยว่า ความต้องการเสพยังอยู่บ้านเรา โดยเฉพาะที่อีสานตอนบนตัวเลขคุมประพฤติสูงที่สุด เช่น ภาค 1 สี่หมื่นกว่า , ภาคสอง สี่หมื่นแปด สถานการณ์ตอนนี้ ตำรวจกลายเป็นผู้ต้องหาของประชาชน รัฐบาลก็เป็นผู้ถูกท้าทาย ก็มีความหวังจากตำรวจด้วย ตำรวจจึงต้องทำงานหนักมากขึ้น วันนี้จึงมาเพื่อให้กำลังใจ และอะไรที่จะสามารถเอื้อให้การทำงานดีขึ้นก็ยินดีสนับสนุน อาทิ รางวัลนำจับจากเดิม 2.5 แสนบาท เป็น 1 ล้านบาท
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า เหตุคนคลุ้มคลั่งนั้นทางหน่วยงานของเราได้เก็บข้อมูลจากทั่วประเทศ ในช่องทางข้อมูลข่าว หรือช่องทางออนไลน์ เอาไว้ โดยได้เปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้เหตุลดลง แต่ก็ยังไม่ยั่งยืน คนที่ป่วยทางจิตเวช หากเขาสามารถกลับมาใช้ชีวิตในชุมชนได้ถือว่า เป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน แต่ตอนนี้เป็นการทำงานเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อน ซึ่งต่อไปทางบริหารหาแนวทางในการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ส่วนการทำงานปราบปรามยาเสพติดพึ่งพอใจของตำรวจ 71 เปอร์เซ็นต์ ฝ่ายปกครอง 52. เปอร์เซ็นต์ สาธารณะสุขในพื้นที่ 51เปอร์เซ็นต์
หลังจากนั้น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การมียาบ้าไว้ในความครอบครองไม่ว่ากี่เม็ดนั้น ในทางกฎหมายถือว่าผิดอยู่แล้ว และที่เรากำหนด 5 เม็ด ให้สันนิฐานว่าเป็นผู้เสพ หรืออยู่ในกลุ่มผู้เสพนั้น ก็เพื่อเป็นแนวทาง ซึ่งหลักสำคัญตำรวจต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวน โดยตัวเลขการครอบครองยาบ้าดังกล่าวนั้น มีมาก่อนรัฐบาลนี้แล้ว แต่ในอดีตทางเราก็ดำเนินการเรื่องนี้อยู่ ซึ่งทำให้ประชาชนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน คือหลักการที่เราเพียงไปมองแต่ว่าคนกลุ่มหนึ่งที่สมัครใจเข้าไปบำบัดรักษา ที่ในกฎหมายเราเขียนไว้ว่า เราต้องการแต่ผู้เสพที่ยังไม่ถึงขั้นติดยาอยากให้เข้ารับการรักษา เพื่อให้คนที่ก้าวพลาดนำสู่ขบวนการลำบัดรักษาจากหมอ ให้กลับคืนมาอยู่ร่วมกับสังคมได้
ส่วนผู้ที่ค้ายาเสพติด ถึงแม้ว่าไม่มียาเสพติดเลยก็ต้องถูกจับ จากหลักฐานการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ที่สามารถแยกแยะพฤติกรรมของผู้เสพและผู้ค้าได้ให้เป็นมาตรฐาน หรือไกด์ไลน์เท่านั้น แต่ในทางการปฏิบัติ ไม่ได้เอาจำนวนเม็ดยามาใช้ จะอย่างไรก็ตามทางกฎหมายยาเสพติด ไม่ได้บัญญัติว่าไม่เป็นความผิด แต่บัญญัติในเชิงผู้ที่สมัครใจ หรือคนที่ถูกสันนิษฐานก่อนเข้าไปรักษาบำบัด แต่หากยังรักษาไม่หายก็ยังมีความผิด และหากรักษาหายแล้วก็จะมีหลักฐาน ซึ่งอาจจะเป็นการนิรโทษกรรมกลายๆเท่านั้นเอง.
Discussion about this post