เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 26 ธ.ค.66 ร.ต.อ.อัครเดช จันทวิมล รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งว่า มีเหตุคนร้ายลักตัดสายไฟฟ้า ยาว 200 เมตร และไม้แปรรูปยาว 2.5 เมตร จำนวน 10 แผ่น ในบริเวณเถียงนาท้ายหมู่บ้านหนองใส ม.3 ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรฯ นำใส่รถเข็น 2 ล้อ มาที่บ้านของตนเอง ที่ห่างจากเถียงนาที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร หลังจากได้รับแจ้งจึงรีบนำกำลังไปตรวจสอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าในขณะนี้นายวีระชัย นามไพโรจน์ ผญบ. ม.3 บ้านหนองใส และ นายสุนันท์ สีอินทร์ อายุ 60 ปี เจ้าของทรัพย์ พร้อมชาวบ้านได้ช่วยกับจับตัวและควบคุมตัวคนร้ายไว้ได้แล้ว ทราบชื่อภายหลังคือ นายไชยวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี โดยจับได้ที่บริเวณหน้าบ้านของคนร้ายเอง ร.ต.อ.อัครเดชฯ พร้อมชุดสืบสวนจึงได้ควบคุมตัวคนร้ายไว้ พร้อมของกลางมาดำเนินคดีตามก็หมายในข้อหา “ลักทรัพย์”
จากการตรวจค้นในห้องนอนในบ้านของคนร้าย พบบ้องกัญชา และกัญชาแห้งที่ถูกซอยไว้บนเขียงจำนวนหนึ่ง และพบฉนวนหุ้มสายไฟฟ้าถูกปลอกเอาทองแดงกองไว้ที่หน้าบ้าน ก่อนตำรวจจะควบคุมตัวคนร้ายไปดำเนินคดีตามกฎหมายที่ สภ.เมืองอุดรธานี ต่อหน้านางสาวอมรรัตน์ นามสี อายุ 54 ปี แม่ที่พิการตาบอด ที่ทำอะไรไม่ถูก และมีสีหน้าเสียใจจนน้ำตาไหล เพราะบอกสอนลูกชายไม่ยอมเชื่อฟัง
นายสุนันท์ ฯ ผู้เสียหาย ให้การว่า ขณะตนอยู่ที่บ้านพัก มีชาวบ้านโทรมาแจ้งว่า นายต้อมฯ เข้ามาลักตัดสายไฟฟ้าที่เดินสายไฟจากเจ้าของที่นาที่ตนเช่าทำประมาณ 10 ไร่ และไม้แปรรูปใส่รถเข็นไป ตนจึงแจ้งมาที่ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งได้นำชาวบ้านมาช่วยควบคุมตัวคนร้ายได้พร้อมของกลาง ที่ผ่านมาคนร้ายรายนี้ก่อเหตุลักตัดสายไฟฟ้าตามเถียงนาของชาวบ้านมาหลายครั้งแล้ว สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอย่างหนัก และเคยถูกจับติดคุกในข้อหาลักทรัพย์มา 2 ครั้ง (สายไฟฟ้า) เมื่อพ้นโทษออกมาก็ไม่ยอมเข็ดหลาบ หรือสำนึกผิด เพราะเขามีพฤติกรรมติดเสพยาเสพติด และให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
จากการสอบสวนนายไชยวัฒน์ฯ ให้การรับสาร ภาพว่าเป็นคนตัดสายไฟฟ้าและไม้แปรรูปบริเวณเถียงนาผู้เสียหายจริง ซึ่งตนตัดสายไฟลงมาเฉยๆ ยังไม่ได้ลักแต่อย่างใด เคยถูกตำรวจจับในข้อหาลักทรัพย์สายไฟฟ้าชาวบ้านมา 2 ครั้ง ครั้งล่าสุดติดคุก 10 เดือน 10 วัน และเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ 8 เดือน ทำงานรับจ้างทั่วไปไม่เป็นหลักแหล่ง แต่ช่วงนี้ไม่มีงานทำจึงไปตัดสายไฟและไม้แปรรูปของผู้เสียหาย โดยใช้รถเข็น 2 ล้อ ใส่ไม้แปรรูปและสายไฟฟ้ามาที่บ้านของตนเอง ก่อนถูกผู้เสียหายและผู้ใหญ่บ้านตามมาควบคุมตัวไว้
“สาเหตุที่ตนตัดสายไฟฟ้าของผู้เสียหาย เนื่อง จากบ้านของตนใช้ไฟฟ้าเพียง 2 หลอด แต่เสียค่าไฟฟ้าเดือนละ 700-800 บาท ซึ่งมันแพงเกินจริง และเชื่อว่าสายไฟฟ้าที่ตนตัดเอามา เป็นสาเหตุทำให้ค่าไฟฟ้าบ้านของตนแพง และให้สัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้ว”
ด้านนางอมรรัตน์ ฯ แม่ของคนร้ายกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนพิการตาทั้งสองข้างเป็นต้อหินมา 2-3 ปี ส่งผลให้ด้านซ้ายบอดสนิทส่วนด้านขวามองเห็นลางๆ บ้านหลังนี้อาศัยอยู่ด้วยกัน 5 คนมีตน สามี หลานชาย อายุ 10 ขวบและหลานสาว อายุ 7 ขวบ ที่ลูกสาวคนเล็กทิ้งไว้ให้ตนเลี้ยง หลังจากหนีไปมีสามีใหม่ ส่วนคนร้ายเป็นลูกชายคนโต มีพฤติกรรมติดยาเสพติด (ยาบ้า) กัญชา และดื่มเหล้ามา 7-8 ปี เคยถูกจับในข้อลักทรัพย์มาแล้ว 2 ครั้ง
“เมื่อพ้นโทษออกมาก็ไม่ยอมสำนึก ไม่ยอมหางานทำเป็นหลักแหล่ง แถมเวลาตนและสามีบอกสอนก็หาว่าบ่นและรำคาญ เคยทำร้ายตนและสามีด้วยการชกต่อยเตะมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกชายได้ใช้ไม้ตีพ่อจนบาดเจ็บ เวลาเมายาบ้า กัญชา จะเดินร้องเอะอะโวยวายไปตามถนน สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้าน เวลาตนบอกลุกชายไม่ให้เสพยาเสพติดให้หลานๆเห็น ก็ทำให้เขาไม่พอใจและทำร้ายใช้เท้าเตะตนเจ็บแต่ก็ต้องทน เพราะยังไงก็เป็นลูกของตน กระทั่งมาถูกจับครั้งที่ 3 หลังไปก่อเหตุลักทรัพย์ในครั้งนี้ ตนก็ไม่มีอะไรจะบอกลูกชายแล้ว เพราะบอกสอนก็ไม่ยอมฟัง ก็สุดแท้แต่เวรกรรมที่เขาก่อเอาไว้” .
Discussion about this post