วันที่ 28 ตุลาคม 2566 ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการตัดสินเรือไฟ ลงพื้นที่ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ มอบสิ่งเครื่องอุปโภคบริโภค และประเมินให้คะแนนซุ้มเรือไฟของคณะผู้จัดทำเรือไฟแต่ละอำเภอที่ต่างขะมักเขม้นเร่งสร้างเรือไฟอย่างสุดฝีมือ เพื่อให้เรือไฟของตนเองมีความสมบูรณที่สุดตามแบบที่ได้ร่วมกันวางไว้ก่อนที่จะมีการประกวดแข่งขันและไหลโชว์เป็นประทีปพุทธบูชาในวันพรุ่งนี้ ( 29 ตุลาคม 2566) ซึ่งเป็นวันออกพรรษา
นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจศิลปินเรือไฟและคณะที่ได้มาร่วมกันสร้างสรรค์เรือไฟให้ทุกคนให้ได้ชมความงดงาม พร้อมสอบถามถึงความพร้อมในการที่แต่ละลำจะปล่อยไหลโชว์ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชมในวันพรุ่งนี้ ซึ่งตอนนี้ทุกลำมีความพร้อมเป็นอย่างมากที่จะออกไปไหลโชว์อวดความสวยงามกลางลำน้ำโขงแล้ว โดยแต่ละลำก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกันไปคนละอย่างคณะกรรมการตัดสินเรือไฟคงต้องคิดหนักก่อนการตัดสินอย่างแน่นอน เพราะแต่ละลำมีการถอดบทเรียนจากการสร้างปีก่อนหน้าเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขจุดด้อย และจุดบกพร่องของตนเองให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการเสริมเทคนิควิธีใหม่ ๆ เข้าไปอีก เพื่อให้เกิดความโดเด่นที่แตกต่างแต่ลงตัวกับลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการออกแบบมาใหม่ ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการประกาศความพร้อมการไหลโชว์วันนี้จากเดิมที่จะมีการไหลโชว์เพียง 2 ลำ จังหวัดนครพนมก็เปลี่ยนเป็น 3 ลำ เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาในวันนี้ได้เต็มอิ่มกับความสวยงามกลางน้ำโขงมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้อยากขอแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่มาร่วมงานระหว่างรอการไหลเรือไฟโชว์ก็สามารถแวะเวียนไปชมซุ้มวิถีเรือไฟของแต่ละอำเภอได้ ซึ่งนอกจากจะได้เห็นเทคนิคและวิธีการ รวมถึงขั้นตอนการทำเรือไฟแล้ว ยังจะได้ร่วมสนุกกับการแสดงศิลปวัฒนธรรม การจัดนิทรรศการให้ความรู้ ไปจนถึงสินค้าดีสินค้าเด่นของชุมชนอีกมากมาย ที่หลายคนเห็นแล้วต้องเกิดความประทับใจ อยากได้กลับไปอย่างแน่นอน เพราะราคาเป็นกันเองมากที่สำคัญยังจะได้รู้ถึงสิ่งใหม่ ๆ และรู้ถึงแหล่งที่มาของแต่ละอย่างด้วย เช่น พิณ แคน โหวดของบ้านท่าเรือ อำเภอนาหว้า ที่หลายคนไม่รู้ว่ามีชื่อเสียงดังไกลไปทั่วโลก มีออเดอร์จากต่างประเทศสั่งจองเข้ามาอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี เพราะเป็นหมู่บ้านแห่งเดียวในภาคอีสานที่มีการสืบทอดภูมิปัญญาการประดิษฐ์มาอย่างยาวนานนับ 100 ปี จากรุ่นสู่รุ่น หรือถ้าใครอยากได้ไอเดียใหม่ ๆ ไปสร้างบ้าน ก็มีบ้านแคปซูลของอำเภอนาทมให้ได้ชม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่นำมาโชว์ให้ทุกคนได้เห็น ถึงความน่ารักของตัวบ้านแต่ลงตัวกับสถานที่เมื่อมีการประดับตกแต่งด้วยสวนหย่อมและแสงไฟเพียงเล็กน้อยก็กลายเป็นความสวยงามที่ใครเห็นเป็นต้องหันกลับมามองทันที โดยบ้านแคปซูลตัวอย่างนี้เป็นการดัดแปลงมาจากบ้านเทียมเกวียนลากในสมัยโบราณ แต่ชาวนามนำมาทำให้มีความทันสมัยที่ใครก็สามารถนำไปเป็นโมเดลต้นแบบทำเองก็ได้ ซึ่งจากการสอบถามราคาต้นทุนอยู่ที่ 3 หมื่นกว่าบาท แต่เหมาะมากสำหรับคนอยากมีที่พักผ่อนตากอากาศเล็ก ๆ หรือถ้าอยากสั่งจองก็สามาถติดต่อได้ที่ซุ้มวิถีเรือไฟอำเภอนาทม นอกจากนี้ก็ยังมีของดีของเด่นอำเภออื่น ๆ อีกที่นำมาจัดให้ได้ชม ไม่ว่าจะเป็นปลาส้มศรีสงคราม ผ้าไหม ผ้ามุก ผ้าย้อมไม้มงคล หรือแม้กระทั้งชุดที่ไม่การออกแบบให้มีความทันสมัยสามารถสวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย.
Discussion about this post