เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2566 ที่บริเวณพื้นที่ป่าชุมชนต้นน้ำ ม่อนแม่ถ่าง ตำบลบ้านเวียง อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ นายทินกร เหล่าเราวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทนายเน็ต จำกัด ร่วมกับคณะกรรมการป่าชุมชนม่อนแม่ถ่าง ผู้นำชุมชน นักเรียน นักศึกษา และพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมกันปลูกต้นไม้ในโครงการปลูกป่าต้นน้ำม่อนแม่ถาง Scan To Plant A Tree หรือ “สแกน-แลก-ป่า ” สร้างความยั่งยืน ผ่านการปลูกป่า อย่างมีส่วนร่วม เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และฟื้นฟูให้ผืนป่ากลับคืนมาป่าม่อนแม่ถาง ในอดีตพื้นที่กว่า 1,300 ไร่ เคยเป็นผืนป่าต้นน้ำ ที่อุดมสมบูรณ์ แต่ถูกบุกรุกเพื่อทำการเกษตร จนพื้นที่ป่าเสียหายไปกว่า 500 ไร่ มีการใช้สารเคมีและปุ๋ยจำนวนมาก ทำให้สภาพดินเสื่อมโทรม เกิดความแห้งแล้ง และเกิดการกัดเซาะพังทลายของหน้าดิน จนตะกอนดินไหลลงไปในอ่างเก็บน้ำ จนอ่างเก็บไม่สามารถเก็บกักน้ำ ได้เต็มความจุ ด้วยความร่วมมือร่วมใจของชุมชน ที่เห็นความ สำคัญของป่าจึงได้ร่วมมือกันทวงคืนผืนป่า เพื่อประกาศเป็นเขต ป่าชุมชน ตามพระราชบัญญัติป่าป่าชุมชน พ.ศ. 2562 และจัดแบ่งพื้นที่รับผิดชอบออกเป็น 14 หมู่ โดยดำเนินการปลูกป่าไปแล้ว จำนวน 2 หมู่บ้าน พื้นที่ 91 ไร่ และยังเหลือพื้นที่ ที่ต้องดำเนินการปลูก ต่อจำนวนมากกว่า 250 ไร่

นายทินกร เหล่าเราวิโรจน์ กรรมการผู้จัดดการ บริษัทนายเน็ต จำกัด ผู้นำด้านระบบนามบัตรดิจิทัล กล่าวว่าเทคโนโลยีนามบัตรดิจิทัล Your QR สามารถสร้างคุณค่าและประโยชน์ให้แห้ แก่ธุรกิจและสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่ได้ การดำเนินการปลูกป่า ในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกท่านเกิดความเข้าใจและเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีดแทนการใช้นามบัตรกระดาษ เพราะในแต่ละปีเราต้องสูญเสีย ต้นไม้ในการผลิตกระดาษจำนวนมาก และถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องช่วยกันทำ เพื่อโลกของเรา
นายสำราญ กณาหร่าย กำนันตำบลบ้านเวียง ในฐานะประธานคณะกรรมการป่าชุมชนม่อนแม่ถาง กล่าวว่า ป่าม่อนแม่ถาง ในอดีตมีพื้นที่กว่า 1,300 ไร่ เคยเป็นผืนป่าต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์ แต่ถูกบุกรุกเพื่อทำการเกษตรเชิงเดี่ยวคือ ไร่ข้าวโพด จนพื้นที่ป่าเสียหายไปกว่า 500 ไร่ มีการใช้สารเคมีและปุ๋ยจำนวนมาก ทำให้สภาพดินเสื่อมโทรม เกิดความแห้งแล้ง และ เกิดการกัดเซาะพังทลายของหน้าดิน จนตะกอนดินไหลลงไปในอ่างเก็บน้ำแม่ถางซึ่งอยู่ในพื้นที่ จนอ่างเก็บน้ำแม่ถางไม่สามารถเก็บกักน้ำได้เต็มความจุ 30.60 ล้านลูกบาศก์เมตร ด้วยความร่วมมือร่วมใจของชุมชน ที่เห็นความสำคัญของป่า จึงได้ร่วมมือกันทวงคืนผืนป่า เพื่อประกาศเป็นเขต ป่าชุมชน ตาม พระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562และจัดแบ่งพื้นที่รับผิดชอบออกเป็น 14 หมู่ โดยดำเนินการปลูกไปแล้ว จำนวน 2 หมู่บ้าน พื้นที่ 91 ไร่ และยังเหลือพื้นที่ที่ต้องดำเนินการปลูกต่อจำนวนมากกว่า 250 ไร่
การปลูกป่าในครั้งนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาคประชาชน โดยเฉพาะ กลุ่มประชาชนพึ่งตนเองเพื่อผืนป่าแม่ถาง และ พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท นายเน็ต จำกัดที่ได้ช่วยกันระดมทุนผ่านระบบ Crowdfunding ของเว็บไซต์ เทใจ.คอม จนได้รับเงินบริจาคทั้งหมด 54,250 บาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวได้มอบให้ชุมชนในการปลูกและดูแลป่าอย่างต่อเนื่องมีประสิทธิภาพและวัดผลได้จริงผ่านระบบ Tree tracking ที่ให้ชาวบ้านผู้ดูแลป่าสามารถบันทึกข้อมูลการเติบโตของต้นไม้ และสามารถสแกน QR เพื่อติดตามผลข้อมูลได้ทันทีผ่านแอปพลิเคชั่นฯ
นายวิชัย วรธานีงงศ์ สื่อมวลชนและผู้ก่อตั้งกลุ่มประชาชนพึ่งตนเองเพื่อผืนป่าแม่ถาง เปิดเผยว่า “ปัญหาการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าไม้ เป็นปัญหาใหญ่ที่มีความซับซ้อน ไม่สามารถจะจัดการได้เพียงใครคนใดคนหนึ่งเพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคประชาชน และ ภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญที่สามารถร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จากจุดที่ตนเองอยู่”
นายธีรพัฒน์ จันตาวรรณเดช จากบริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ตัวแทนพันธมิตรทางธุรกิจผู้ใช้งานจริงของระบบนามบัตรดิจิทัล YourQR กล่าวว่า “เรา มีความยินดีมากที่ได้มาร่วมปลุกป่ากับทางโครงการฯในครั้งนี้ เชื่อว่าการฟื้นคืนผืนป่าและระบบนิเวศอย่างยั่งยืนในครั้งนี้ จะช่วยลดภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในระยะยาวได้” นอกจากการปลูกต้นไม้ ในโครงการนี้ยังให้ความสำคัญกับการสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ในพื้นที่จังหวัดแพร่ให้มีความรักและใส่ใจผืนป่าของเมืองแพ โดยมีส่วนร่วมผ่านการประกวดเรียงความในหัวข้อ “รักษ์ป่าเมืองแพร่” โดยมีเยาวชนที่ได้รับรางวัลทุนการศึกษาจำนวน 3 รายได้แก่ รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 เด็กหญิงพรชนิตว์ ฝันสุข ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านไผ่ล้อม (สำนักงานสลากกินแบ่งสงเคราะห์๔๖) อำเภอลอง จังหวัดแพร่ ได้รับทุนการ
ศึกษา 5,000 บาทพร้อมเกียรติบัตร รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 เด็กหญิงกานต์ธิชา ทองดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพิริยาลัยจังหวัดแพร่ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ได้รับทุนการศึกษา 3,000 บาทพร้อมเกียรติบัตร รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 เด็กหญิงธัญรัตน์ ม้ายอง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดทุ่งล้อม ตำบลห้วยม้า อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ได้รับทุนการศึกษา 2,000 บาทพร้อมเกียรติบัตร
ดังนั้น ความร่วมมือครั้งนี้ จึงถือเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดการใช้กระดาษ รักสิ่งแวดล้อม และเสริมสร้างประสบการณ์ที่ทันสมัยและสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ที่สามารถสร้างผลกระทบทางสังคม (Social Impact) อาทิ เป้าหมายข้อ 12 การบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ เป้าหมายข้อ 13 การปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อสู้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการบริหารและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีอันเป็นปัจจัยที่จะสร้างความสามารถในการแข่งขันและส่งผลให้ประทศไทยได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติอีกด้วย
ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่
Discussion about this post