
กรณี เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 มีชาวบ้านเกือบ 40 รายใน อ.พรรณานิคม และ อ.พังโคน จ.สกลนคร ได้รับความเดือดร้อน บุกเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรม อ.พรรณานิคม ว่าพวกตนถูก รอง ปลัด อบต.ช้างมิ่ง อ.พรรณานิคม ฉ้อโกง มีพฤติกรรมหลอกเรียกเอาทรัพย์สิน แลกกับการฝากสอบเข้าเป็น ขรก.ส่วนท้องถิ่น แต่ปรากฏว่าเมื่อประกาศผลสอบออกมาแล้วไม่ได้ตามที่ตกลงกัน ทั้งที่แต่ละรายจ่ายเงินคนละ 400,000 -1,200,000 บาท เมื่อทวงถามเงินคืนก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาตลอด ซึ่ง นางสาวภิรมย์ ก้อนแพง ปลัดอาวุโส อ.พรรณานิคม รับเรื่องไว้ และนัดผู้เกี่ยวข้องมาเจรจาในเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน โดยมี นายยรรยง พรมศร นายอำเภอพรรณานิคม พ.ต.ท.สนั่น คำสีเขียว รอง ผกก.สส.ฯ นายสมเกียรติ โรจนวรกมล ทนายความ รับมอบหมายจากผู้เสียหาย นายอุกฤษณ์ บาลลา นายก อบต.ช้างมิ่ง ปลัดอำเภออาวุโส ท้องถิ่นอำเภอ นางสุภารัตน์ อัคพิน รองปลัด อบต.ช้างมิ่ง ที่ถูกร้องเรียน และผู้เสียหายกว่า 30 ราย ได้มาพูดคุยกัน
โดยนายอำเภอพรรณานิคม ได้ให้นางสุภารัตน์ อัคพิน รอง ปลัด อบต.ช้างมิ่ง กล่าวชี้แจงว่า เงินดังกล่าวได้รับจากผู้ร้องจริง เพราะได้ฝากมาแล้วถึง 3 รอบ เงินที่ได้รับก็ถูกส่งต่อไปที่คณะทำงานปลัดกระทรวงแห่งหนึ่ง ตนได้รับค่าหัวรายละ 50,000 บาทเท่านั้น ทนายสมเกียรติฯ จึงให้ทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่า กลุ่มฝากงานมีกี่ราย งานกู้ยืม เงินซื้องานรับเหมากี่ราย จะต้องชดใช้คืนโดยให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่เกี่ยวกับคดีอีกทางหนึ่ว เพื่อที่จะฟ้องร้องหากมีการบิดพริ้ว จนต่อมา วันที่ 12 มิถุนายน 2566 คณะผู้ตรวจราชการ จากกรมส่งเสริมการท้อวถิ่น และคณะได้เดินทางมาเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงจากกลุ่มประชาชนที่ตกเป็นผู้เสียหายทั้งหมด โดยแต่ละรายตำแหน่งและเงินที่จ่ายไม่เท่ากันบางราย 450,000 บาท บางราย 600,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายได้เรียกร้องให้ภาครัฐดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะความเสียหายมีมูลค่าสูง แม้บางรายเรื่องได้ถึงขึ้นพิจารณาในชั้นศาลแล้วและมีการไกล่เกลี่ยไปแล้วบางคน แต่ผู้ก่อเหตุยังลอยนวลยังสามารถมาทำงานได้เป็นปกติ ทั้งๆที่ควรจะได้รับโทษทางวินัยด้วย ที่จริงอยากให้ย้ายไปที่อื่นหรือพักราชการไว้ก่อน เนื่องจากเป็นข้าราชการระดับสูงในสังกัด รวมถึงบุคคลใกล้ชิดของรองปลัดฯ คนดังกล่าว ที่ยังทำงานอยู่ด้วยกัน อาจจะทำลายข้อมูลบางอย่าง หรืออาจจะใช้อิทธิพล ทำให้ผู้เสียหายได้รับผลกระทบ หรือต่อผู้ที่จะส่งข้อมูลเพื่อประโยชน์ให้การสอบสวนเกิดข้อเท็จจริงมากที่สุด

ความคึบหน้าของเรื่องนี้ วันที่ 29 มิถุนายน 2566 คณะอนุกรรมาธิการการเสริมสร้างธรรมาภิบาลในคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา นำโดย หม่อมหลวงสกุล มาลากุล สมาชิกวุฒิสภา รองประธานคณะอนุกรรมการฯ นายธนิต ภูมิถาวร ผู้อำนวยการสำนักตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ แทนผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เขต 11 ได้เดินทางไปที่ว่าการอำเภอพรรณานิคม เพื่อติดตามกรณีประชาชนเดือดร้อนเพื่อรับฟังข้อมูลของผู้เสียหาย โดยมีนายอำเภอพรรณานิคม ทนายสมเกียรติ โรจนวรกมล ทนายผู้เสียหาย และผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูล โดยมีทีมงานของพรรคก้าวไกลเข้าสังเกตุการณ์ โดยนายอำเภอพรรณานิคม ได้รายงานข้อเท็จจริงว่าขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างรายแรงแก่ นางสุภาภรณ์ อัคพิน รอง ปลัด อบต.ช้างมิ่ง ไว้แล้ว
ขณะที่ ทนายสมเกียรติ ได้กล่าวว่า จากการสอบถามทราบว่า รอง ปลัดฯรายนี้ หลอกเอาเงินว่าจะฝากสอบเป็น ขรก.ท้องถิ่นจริง ทั้งที่ไม่มีตำแหน่งงาน โดยผู้ถูกหลอกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.หลอกว่าจะฝากงานในท้องถิ่นให้ 2.ถูกหลอกเอาเงินว่าจะมีงานขุดลอกให้โดยที่ไม่มีงานจริง รอง ปลัดฯ ระบุเงินว่านำไปให้กับบุคคล 3 คน ซึ่งเป็นคณะทำงานของปลัดกระทรวงแห่งหนึ่ง ซึ่งระบุว่ามีตัวตนจริง มีหลักฐานการโอนเงินด้วย บางรายผู้เสียหายที่ถูกหลกได้ฟ้องร้องต่อต่อศาลเอง ซึ่งนางสุภาภรณ์,ได้รับสารภาพต่อศาลแล้ว จึงถือว่ามีความสำเร็จน่าจะลงโทษทางวินัย ยังมีผู้เสียหายที่ยังไม่ทราบเรื่อง หรือไม่มีเงินที่จะไปฟ้องร้อง
นายสัญชัย จุลนนท์ สมาชิกวุฒิสภา กรรมาธิการ กล่าวว่า กรรมาธิการไม่สามารถที่จะย้ายหรือลงโทษใครได้ ขอเวลาให้เก็บข้แมูลแล้ว ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง ที่บอกว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เพื่อจะดำเนินการอย่างเป็นธรรม เราขอยืนยันว่า คนผิดก็คือคนผิด ไม่สามารถกลับมาเปลี่ยนแปลงให้เป็นถูกไปได้ บ้านเมืองเรามีกฏกติกาอยู่แล้ว ที่มาวันนี้ก็อยากให้มีการแก้ไขไปในทางที่ถูกต้อง ดังนั้น ขอให้ผู้เสียหายทุกคนมีกี่ราย ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พงส. หากตำรวจไม่ทำ ก็มีช่องทางอื่นที่จะร้องทุกข์ให้ ที่ผ่านมา 21 วัน ยังไม่มีคำตอบใดๆจากทางราชการ จะให้คำตอบ ในเวลา 16.00 น. และจะตามเรื่องอีกที่ อบต.ช้างมิ่ง ขณะที่ผู้ร้องเรียนบางราย ได้ออกมาให้ความเห็นว่า รอง ปลัดฯ รายนี้ กับสามีที่เป็น ปลัด อบต.ที่เดียวกัน ต้องมีการร้วมมือกันหรือรู้เห็นที่จะหลอกลวง เพราะมีหลักฐานเป็นคลิปเสียง และแชทไลน์เป็นหลักฐานที่จะเอาผิดคนทั้งคู่ได้
Discussion about this post