เมื่อวันที่ 3 พ.ค 66 ผู้สื่อข่วลงพื้นที่ สถานธนานุบาล เทศบาลเมืองบางบัวทอง (โรงรับจำนำ)ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นช่วงโรงเรียนบางแห่งเริ่มเปิดเทอม ซึ่งทางผู้ปกครองบางท่านได้นำสิ่งของที่มีค่ามากที่สุดในบ้านได้นำไปจำนำเพื่อนำเงินจ่ายค่าเทอมลูกหรือค่าใช้จ่ายในบ้านซึ่งมีประชาชนนำสิ่งของที่มีค่าเข้าไปจำนำอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งบางรายได้นำสร้อยทองหรือแหวนเข้าจำนำบางรายก็จะเป็นนาฬิกาข้อมือบางรายก็จะเป็นจำพวกของ ใช้ไฟฟ้าเข้าไปจำนำ
ซึ่งทางผู้สื่อข่าวได้สอบถาม น.ส. มน อายุ 54 ปี อาชีพรับจ้างเย็บผ้า และเก็บของเก่าขาย เล่าว่าตนมีลูกชาย 2 คน คนโตเรียนอยู่ ม.4 คนเล็กเรียนอยู่ม.2 ซึ่งทางบ้านของตนก็ยากจนไหนลูกทั้ง 2 คนก็ต้องเรียนหนังสือ ซึ่งในวันนี้ตนได้นำเครื่องใช้ไฟฟ้าซึ่งเป็นเครื่องปั่นน้ำผลไม้มาจำนำเอาไว้ได้เงินไปจำนวน 1000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกไปโรงเรียนส่วนตนรับจ้างเย็บผ้าเล็กๆน้อยๆในบ้านซึ่งบางวันก็ไม่มีลูกค้ามาเลยบางครั้งเย็บผ้า 2-3 วันถึงจะได้เงิน 200-300 บาท และ น.ส. ธัญญารักษ์ มั่นประสิทธิ์ ผู้จัดการสถานธนานุบาล ได้นำเงินส่วนตัวให้กับ น.ส.มน ไปอีกจำนวนเงิน 500 บาท ด้วยความสงสารพร้อมนำผลไม้และขนมให้ น.ส.มนไปทานกับลูกๆจำนวนหนึ่ง
น.ส. ธัญญารักษ์ มั่นประสิทธิ์ผู้จัดการสถานธนานุบาล กล่าวว่า ช่วงที่เด็กนักเรียนจะเปิดเทอมซึ่งได้มีผู้ปกครองได้นำส่งของที่มีค่ามาจำนำเยอะขึ้นมากกว่าปกติเพราะต้องนำเงินไปจ่ายค่าเล่าเรียนให้ลูกๆไหนจะเป็นค่าใช้จายต่างๆในบ้านอีกซึ่งตนก็เข้าใจในความจำเป็นแต่ละครอบครัว.
Discussion about this post