วันที่ 16 มีนาคม 2566 เวลา 21.30น. ร.ต.อ อนันต์ เหมือนเพชร รองสารวัตรสอบสวน สภ. หนองหาน รับแจ้งรถยนต์เก๋งชนท้ายรถบรรทุกพ่วง18ล้อที่บริเวณถนนสกลนคร อุดรธานี ช่วงบ้านดงโพนยอ ม.8 ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี มีผู้บาดเจ็บสาหัสติดภายในรถ จึงประสานกู้ชีพรพ.หนองหานและกู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี จุดบริการหนองหาน เข้าตรวจสอบช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุบริเวณถนนสกลนคร อุดร ช่วงบ้านดงโพนยอ ม.8 ต.หนองหาน อ.หนองหาน ฝั่งขาเข้าเมืองอุดรธานี พบรถเก๋ง ยี่ห้อนิสัน โน๊ต สีดำ ทะเบียน ขต 353 อุดรธานี สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ผู้ขับขี่ทราบชื่อคือนายธนพงศ์ สิงศบุตร อายุ 26 ปี ชาว จ.ยโสธร และนายยอดชาย สมวงศ์ษา อายุ 19 ปี ชาวจ.อุดรธานี นั่งข้างคนขับ โดยทั้ง2 คนได้รับบาดเจ็บ ติดอยู่ภายในรถ กู้ภัยฯต้องใช้เครื่องตัดถ่าง ช่วยเหลือนำตัวผู้บาดเจ็บออกจากซากรถ ใช้เวลา 5 นาที โดยกู้ชีพรพ.หนอง หานนำส่งไปรักษาที่รพ.ศูนย์อุดรธานี เนื่องจากทั้ง 2รายบาดอาการโคม่า หางกันไปประมาณ 10 เมตร พบรถบรรทุกพ่วง18ล้อทะเบียน70-2161 อุดรธานี ตัวพ่วงทะเบียน 70-2162 อุดรธานี ท้ายรถด้านขวามีร่อยรอยการถูกชนเสียหาย มีนายบุญหลั่น แก้วแสนหล่อ อายุ 70 ปี ชาวต.โพนงาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เป็นผู้ขับขี่ ยืนรอให้การกับตำรวจ
นายบุญหลั่น คนขับรถบรรทุกพ่วง เล่าว่า ตนขับรถบรรทุกไปรับไม้ยูคาลิปตัสที่ อ.กู่แก้ว เพื่อจะนำไปส่งที่โรงไม้บ้านหนองแก ต.หนองนาคำ อ.เมือง อุดรธานี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางมืดไม่มี ตนค่อยๆขับรถไปตามทาง จากนั้นได้ยินเสียง ดังมาจากท้ายรถ ซึ่งตนกับภรรยาคิดว่ายางรถระเบิด จึงขับไปจอดตรงที่มีไฟส่องสว่าง แต่เมื่อลงไปตรวจสอบพบว่า ท้ายรถตัวพ่วงด้านขวา ไฟท้ายและปังโคนล้อแตกและพังเสียหาย ซึ่งมีกันชนรถเก๋งติดท้ายรถมาด้วย ตนจึงมองไปดู ได้ยินเสียงสัญญาณรถดัง จึงโทรศัพท์บอกนายจ้าง และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
นายเอกพันธ์ ลายกิ่ง หัวหน้าหน่วยกู้ภัยส่งเสริมแห่งอุดรธานีจุด บริการหนองหาน เล่าว่า ได้รับแจ้งรถเก๋งชนท้ายรถบรรทุก10 ล้อมีผุ้บาดเจ็บและเสียชีวิต ตนพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย จึงได้นำรถและอุปกรณ์ตัดถ่างเข้าตรวจสอบและให้การช่วยเหลือ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ พบว่ามีเพียงผู้บาดเจ็บ เป็นคนขับและผู้โดยสาร รถยนต์เก๋ง ติดภายในรถ สภาพเลือดท่วมหน้า แต่ยังมีชีพจร จึงต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำตัวออกจากซากรถ ใช้เวลา 5 นาที และนำผุ้บาดเจ็บส่งรพ.เพื่อทำการรักษา ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุนั้น มีการทำถนนลาดยางใหม่และมืดไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง ก็อยากฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนนเส้นทาง ที่สัญจรถนนช่วงอุดร สกล ฝั่งขาเข้าเมือง บ้านหนองบ่อ บ้านม่วง ก่อนถึงบ้านโพนยอ ที่จะเข้าตัวเมืองอุดรธานี ให้ใช้ความระมัดระวังเพราะเส้นทางมืด ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายได้
เบื้องต้นจากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุสันนิฐานว่ารถเก๋งขับมาด้วยความเร็ว และ บริเวณที่เกิดเหตุไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง รถเก๋งอาจจะไม่เห็นรถบรรทุก จึงชนเข้าอย่างแรงเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทางตำรวจจะได้สอบปาก คำของรถบรรทุกอย่างละเอียดและเมื่อผู้บาดเจ็บหายดีแล้วจะได้สอบสวนถึงสาเหตุที่แท้จริงในการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.
Discussion about this post