
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์รูปภาพระบุขัอความว่า “เตือนภัย มิจฉาชีพ มาหลอกคนแก่ที่อยู่บ้านคนเดียว ทำเป็นตีสนิท ว่าเคยอยู่บ้านนี้ หลอกคนแก่ว่าเจ้าของบ้านให้มาเอารถยนต์ไปซ่อม หม้อน้ำถ่ายน้ำมันเครื่อง เร่งจะเอากุญแจให้ได้ จะรีบเอารถไปทำ ดีว่าคนในบ้านไหวตัวทัน ไม่ให้กุญแจและบอกเสียงเจ้าของบ้านมาถามเอาเองเลย จึงรีบหนีออกบ้านไป จึงฝากเตือนภัยมิจฉาชีพ “
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุบริเวณร้าน ” เฮงๆหมูกะทะ หมูชาบู” เป็นบ้านทาวเฮาส์ 2 ชั้นด้านล่างเป็นร้านขายขาบูแบบชั่งกิโล ภายในหมู่บ้านรัตนาธิเบศร์ ชอย 10/1 ต.บางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทองจังหวัดนนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว พบนายอุดม (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี เจ้าของร้านขายหมูกระทะแบบชั่งกิโล หลังถูกมิจฉาชีพอายุประ มาณ 30-35 ปี หลอกตีสนิทชวนคุยเดินเข้ามานั่งกินข้าวในร้านก่อนใช้ อุบายแกล้งต่อสายโทร ศัพท์คุยคนเดียว อ้างว่าคนในบ้านให้มาเอากุญแจรถกะบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์เงิน และรถ ยนต์ยี่ห้อ นิสสันมาร์ช สีบรอนซ์เงินที่จอดอยู่ข้างร้าน เหตุเกิดวันที่ 24 ก.พ.66 เวลา 13.00 น.
นายอุดม (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี เจ้า ของขายหมูกระทะแบบชั่งกิโล กล่าวว่า ดูจากรูปร่างอายุน่าจะประมาณ 30 กว่าๆ ดูหนุ่มอยู่เลย คนร้ายเดินเข้ามาในตัวร้านด้านใน ตนเลยบอกให้เดินออกไปก่อน ทำทีมายืนอยู่ตรงหิ้งพระและมองข้าวของ ถามหากุญแจรถกระบะกับตน ตนเลยถามกลับว่ากุญแจอะไร หลังจากนั้นคนร้ายไปสั่งก๋วยจั๊บร้านข้างๆเสร็จแล้วก็ไปทำท่าเหมือนจะหยิบเงินแม่ค้าในร้าน แม่ค้าเลยไล่ออกมาให้มายืนข้างนอกร้าน คนร้ายเอาก๋วยจั๊บและสั่งยำหอยมานั่งกินหน้าร้านตน ตนก็นั่งมองอยู่ตลอด แต่ตนไม่ไปไหนไม่กล้า คนร้ายนั่งกินอยู่นานพอสมควร และเดินไปหยิบน้ำที่ตู้ของร้านตนมากิน มันทำท่าเหมือนสนิทกันแบบคนรู้จักเลย และก็บอกว่า ยายเจี๊ยบให้คนร้ายมาช่วยงานที่บ้าน มายกของ และก็มาถามหากุญแจรถกระบะบอกว่าจะบรรทุกของไป มันก็อ้างคนชื่อเจี๊ยบจะทำให้ตนหลงเชื่อ แต่ตนไม่รู้จักคนชื่อเจี๊ยบ ตนก็บอกเจี๊ยบไหนไม่รู้จัก มาบอกตนว่า สท.หล้า (หลานสะใภ้) ให้มาเอากุญแจรถไปเช็คหม้อน้ำ ตนก็เฉยไม่พูดอะไร มันก็ย้ำๆถามหากุญ แจรถ คนร้ายต้องการเอากุญแจรถให้ได้ ตนก็ระวังตัวว่าคนร้ายจะหยิบของอย่างอื่นด้วยหลังจากนั้นคนร้ายเดินมาหยิบไอแพดที่โต๊ะในร้านตนเห็นเลยไล่ออกไปบอก “ไม่เอาๆ” คนร้ายก็เลยวาง หยิบหน้าตาเฉยเหมือนว่าตัวเองอยู่บ้านหลังนี้ ตีสนิทเลย คนร้ายพูดจาปกติเพียงแต่จะออกกลอุบายนั่นนี่ คนร้ายบอกว่าไม่เป็น ไรเดี๋ยวจะโทรไปหาหลานสะใภ้ตน มีการทำท่าคุยโทรศัพท์ กดๆเบอร์และพูดว่า “ฮัลโหล อยู่หน้าบ้านแล้วนะ จะให้เอากุญแจไปเลยใช่มั้ย ได้ๆ โอเคๆ” ตนก็ไม่รู้ว่าคน ร้ายคุยกับใคร หลังจากนั้นคนร้ายเดินไปหน้ารถกระบะที่จอดไว้และเดินกลับมาหาตน ตนเลยบอกว่าเจ้าของรถกำลังจะกลับมาถึงบ้านละ คนร้ายเลยรีบออกไป

นางณัฐมล (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี (สท.หล้า)สมาชิกสภาเทศบาลเมืองบางรักพัฒนา หลานสะใภ้ กล่าวว่า ตนใจเสียเลยพอทราบเรื่อง กลัวของในบ้านหาย คิดว่าอะไรจะหายไปบ้าง ในหมู่บ้านนี้มีผู้สูงอายุเยอะกลัวว่ามันจะไปก่อเหตุบ้านหลังอื่นอีก หลังจากวันเกิดเหตุช่วงค่ำตนได้มานั่งคุยกันในบ้านและโพสต์ลงเฟซบุ๊กมีคนแถวบ้านมาบอกว่าคนร้ายเดินไปดูรถเก๋งในซอย 10 และถามรถใคร ยายแถวนั้นบอกไม่รู้รถใคร พอเอารูปคนร้ายมาดูถึงรู้ว่าเป็นคนเดียวกัน คนนี้เลย หลังจากออกตรงนี้ก็ไปวนเวียนตลาดดูมอเตอร์ไซค์ เพราะตรงนั้นจะมีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่คันนึง น้องร้านน้ำเขาบอกมันมีถังน้ำแข็งบัง และคนร้ายนั่งหลบๆอยู่คิดว่าคงไม่มีคนเห็น คนร้ายขับรถวนไปมา รถเก่าๆไม่มีป้ายทะเบียน แต่รถมอเตอร์ไซค์คันที่จอดมันคันใหม่ พอตนลฃเฟซบุ๊กน้อฃร้านน้ำก็ทักมาบอก ตนจะไม่ได้ปล่อยให้คนแก่อยู่ร้านคนเดียว ยกเว้นตนมีงานแต่วันนั้นตนมีประชุมสภา ติดราชการอยู่ ตอน 11 โมงตนได้เปิดกล้องก็เห็นปู่เล่นกับแมวเลยคิดว่าไม่มีอะไร คนแถวบ้านก็อยู่ ร้านก๋วยจั๊บก็เปิด ตนเคยสั่งปู่ไว้แล้วว่าอย่าให้คนแปลกหน้าเข้าบ้านแม้กระทั่งจะมาขอเข้าห้องน้ำเพราะเราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ถ้าตนอยู่ร้านและมีคนมาขอเข้าห้อ งน้ำตนจะบอกว่ามีที่ตลาดให้ไปเข้าที่นั่น ตอนนี้จำไม่ได้หรอกว่าอะไรหายไปบ้างแต่เช็คของสำคัญๆไม่มีอะไรหาย ตอนอยากฝากเตือนว่าหากใครที่มีพ่อแม่หรือเด็ก ถ้ามีคนบอกเด็กว่าพ่อให้มาเอากุญแจคิดว่าเด็กจะวิ่งไปหยิบมาให้มั้ย เตือนภัยไวเเลยคนที่ทิ้งลูกไว้บ้านหรือคนแก่อยู่บ้าน กำชับให้ล็อคกุญแจ แต่บ้านตนเป็นร้านค้ามันล็อคไม่ได้ แต่ยังไงก็อย่าให้คนแปลกหน้าเข้าบ้าน มีเหตุอะไรให้ตะโกนเรียกยังไงก็ต้องมีคนมาดูอยู่แล้ว อีกอย่างตนเป็นสมาชิกสภาก็มีความห่วงใยลูกบ้านอยู่แล้ว มันเคยเกิดเหตุเคยมาหลอกคนแก่แบบนี้ได้ไปเป็นแสน รื้อของในบ้าน แต่ตอนนั้นเหตุเกิดมาเป็นสิบปีแล้ว ตนจะไปลงบันทึกประจำวันเพื่อไม่ให้คนร้ายไปหลอกคนอื่นอีก และก็จะฝากประชาสัมพันธ์ว่ามันมีมิจฉาชีพทุกรูปแบบไม่ใช่แต่คอลเซ็นเตอร์ เบื้องต้นทางฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นได้เข้มงวดออกตรวจพื้นที่และประชาสัมพันธ์ให้กับทางชาวบ้านให้ระมัดระวังพวกมิจฉาชีพเป็นประจำอยู่แล้วไม่คิดว่ามิจฉาชีพจะกล้ามาหลอกผู้สูงอายุถึงในบ้านแบบนี้.
Discussion about this post