วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่หอประชุม อ.แม่ริม
จ.เชียงใหม่ นายรังสรรค์ ขอผล ผู้อำนวยการส่วนจัดการที่ดินป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) ได้ประชุมชี้แจงการขอคัดสำเนาผังแปลงที่ดิน ทะเบียนรายชื่อผู้ครอบครอง ตามมติคณะรัฐมนตรี 11 พฤษภาคม 2552 แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม ที่ประกอบกิจการที่พักและโฮมสเตย์บนม่อนแจ่ม ต.แม่แรม มีนายเอกรินทร์ นทีไพรวัลย์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม นายสุรินทร์นทีไพรวัลย์ ผู้ใหญ่บ้านหนองหอยเก่า หมู่ 7พร้อมแกนนำ สมาชิก เข้าร่วมรับฟังชี้แจงกว่า
100 คน โดยมีนายประเสริฐศักดิ์ บตรสา ปลัดอาวุโส อ.แม่ริม นางวาสนา มทองสุขว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 5 พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ร่วมสังเกตการณ์
ทั้งนี้นายรังสรรค์ และเจ้าหน้าที่ ได้ชี้แจงโดยสรุปว่า มีผู้ขอคัดสำเนาผังแปลงที่ดิน ทะเบียนรายชื่อผู้ครอบครอง รวม 112 ราย แต่ตรวจสอบพบเอกสารสำรวจ รังวัดแปลงที่ดินเพียง82 ราย ยังขาดหรือตกหล่น 30 ราย เนื่องจากเอกสารหลักฐานไม่ครบถ้วน แต่ยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจ และรังวัดแปลงที่ดินม่อนแจ่ม เมื่อปี 2552 หรือ 14 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีหลักฐานเป็นภาพถ่าย หรือบุคคลที่เป็นผู้ชี้นำแนวเขตที่ดินอย่างใด ทำให้ผู้ฟังคำชี้แจงบางราย ได้ลุกขึ้นประท้วง เนื่องจากชี้แจงไม่ตรงประเด็นและข้อเท็จจริง เพราะมีผู้ถูกดำเนินคดีบุกรุกและครอบครองที่ดินผิกฎหมายกว่า 30ราย ทั้งที่ทำกินและทำประโยชน์ก่อนประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม ทำให้ได้รับความเดือดร้อนดังกล่าว
นายเอกรินทร์ กล่าวว่า การชี้แจงของเจ้าหน้า
ที่ยอมรับว่า ได้ใช้งบประมาณสำรวจรังวัดแปลงที่ดินดังกล่าว แต่ไม่ได้ทำตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่ได้ทำประชาคม ไม่ได้ขออนุญาตท้องถิ่นไม่มีผู้นำชุมชนชี้แนวเขต ไม่มีภาพถ่ายเป็นหลักฐาน มีแต่เจ้าหน้าที่ไปรังวัดเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งการชี้แจงดังกล่าว ไม่มีน้ำหนักและเหตุผลเพียงพอ เพราะการสำรวจ และการรังวัดแปลงที่ดินเหมือนกับเอกสารของโครงการหลวง ที่เคยสำรวจก่อนหน้านั้น แต่เป็นเอกสารหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ จึงเชื่อว่าเป็นเอกสารฉบับเดียวกัน แต่นำมาใช้ดำเนินคดีกับชาวบ้าน ทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ชาวบ้านอยากได้สำเนาแปลงที่ดิน ที่มีระวาง
วัด พิกัดจีพีเอส และภาพถ่ายทางอากาศ ไม่
ใช่ผังแปลงที่ดินที่คัดลอกมาจากหน่วยงาน
อื่น เพื่อใช้เป็นหลักฐานโต้แย้ง และพิสูจน์ใน
ชั้นศาล กรณีถูกดำเนินคดีบุกรุก ครอบครอง
ที่ดินป่าไม้ ว่าถูกดำเนินคดีที่ไม่ชอบด้วยกฎ
หมาย ซึ่งต้องติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด จนกว่าได้รับสำเนาผังแปลงที่ดินที่ถูกตามกฎหมาย เพื่อใช้พิสูจน์ในชั้นศาลต่อไป” นายเอกรินทร์ กล่าว
///////
Discussion about this post